สื่อต่างประเทศเกาะติดบรรยากาศ คู่รักเพศเดียวกันแห่จดทะเบียนสมรส ในวันพฤหัสบดี ซึ่งตรงกับวันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยมีผลบังคับใช้เป็นวันแรก ทำให้ไทยเป็นประเทศล่าสุดในเอเชียที่เปิดทางการแต่งงานของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
พิธีสมรสหมู่ที่กรุงเทพฯ จัดขึ้นโดยกลุ่ม Bangkok Pride ร่วมกับทางการกรุงเทพมหานครฯ โดยมีคู่รักเพศเดียวกันเดินทางมาจดทะเบียนสมรสในวันพฤหัสบดีกันจำนวนมาก ในฐานะที่ไทยเป็นชาติแรกในอาเซียนและชาติที่ 3 ในเอเชียที่ผลักดันกฎหมายนี้ออกมาได้สำเร็จเมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของเอเอฟพี
เอพีรายงานว่า มีคู่รักเพศเดียวกันมาจดทะเบียนในงานดังกล่าวราว 200 คู่ ขณะที่ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เผยว่ามีคู่รักเพศเดียวกัน 1,832 คู่ที่จดทะเบียนในวันพฤหัสบดี โดยมี 654 คู่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ
กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตั้งเป้าให้คู่รักเพศเดียวกัน 1,448 คู่มาจดทะเบียนทั่วประเทศในวันดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับ มาตรา 1448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ สมรสเท่าเทียม
เอเอฟพี ระบุว่า ภายใต้กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทย ใช้คำที่เป็นกลางทางเพศสภาพ คือ “บุคคล” แทนคำว่า ชาย, หญิง, สามี, ภรรยา อีกทั้งยังเปิดทางให้มีการอุปการะบุตรและให้สิทธิ์การรับมรดกของคู่รักเพศเดียวกันได้ นอกจากนี้ เอพีเสริมว่า คู่รักเพศเดียวกันจะมีสิทธิและความรับผิดชอบในสินทรัพย์ร่วม ข้อผูกพันและการลดหย่อนภาษีด้วยเช่นกัน
ด้านรอยเตอร์ รายงานว่า ภายใต้กฎหมายนี้ คู่รักกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศสภาพ อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทั้งสัญชาติไทยและอื่น ๆ สามารถจดทะเบียนสมรสที่ไทยได้ โดยกรณีของผู้มีสัญชาติได้คู่รักกลุ่มนี้จะได้รับสิทธิเท่าเทียมกับคู่รักชาย-หญิง ส่วนกรณีของคู่รักเพศเดียวกันที่เป็นชาวต่างชาติ สิทธิต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับสถานะในประเทศไทย และการที่ชาวต่างชาติสมรสกับคนเพศเดียวกันที่เป็นสัญชาติไทยไม่ได้เปิดทางให้มีการมอบสัญชาติไทยให้กับอีกฝ่ายได้
นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ของไทย กล่าวกับผู้ร่วมงานที่กรุงเทพฯ ผ่านวิดีโอคลิปว่า “ต่อจากนี้ ทุกความรักของคนไทยจะถูกรับรองทางกฎหมาย ทุกคู่จะมีเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียมกันในประเทศไทย”
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งผลักดันกฎหมายดังกล่าวในช่วงแรกที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ให้ความเห็นที่ทันกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยไม่เอ่ยถึงชื่อของผู้นำหรือประเทศใด ๆ ว่า “ผู้นำประเทศใหญ่ ประเทศหนึ่ง ประกาศว่าจะมีแค่ 2 เพศเท่านั้น เรามีประชากร 68 ล้านคน แม้ขนาดเศรษฐกิจไม่ใหญ่เท่าเขา แต่ผมเชื่อว่าเราใจใหญ่กว่า เรายอมรับกับคนที่อยากจะเป็น เราให้เกียรติให้เวที ให้พื้นที่ อย่างที่เขาควรได้รับ”
แม้ว่าไทยจะมีความเปิดกว้างในการยอมรับความหลากหลายทางเพศสภาพ จนกระทั่งผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้เมื่อปีที่แล้ว แต่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศยังเผชิญกับอุปสรรคและการเลือกปฏิบัติในชีวิตประจำวันอยู่
ทั้งนี้ ทางการกรุงเทพฯ เผยกับเอพีว่าได้จัดอบรมเจ้าหน้าที่เขตที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนสมรส ให้มีความเข้าใจและตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศสภาพ และแนวทางในการสื่อสารกับคู่รักเพศเดียวกันที่จะมาจดทะเบียบในอนาคต เช่นเดียวกับกระทรวงมหาดไทยที่ออกแนวทางปฏิบัติในลักษณะเดียวกันนี้
ปัจจุบัน กว่า 30 ประเทศทั่วโลก ระบุมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม นับตั้งเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกของโลกที่ผลักดันกฎหมายดังกล่าว เมื่อปี 2001
- ที่มา: เอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี
กระดานความเห็น