สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน หัวเหว่ย รายงานผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จากปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มาจากยอดขายสมาร์ทโฟนในตลาดจีน
อย่างไรก็ตาม หัวเหว่ยเตือนว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใส่ชื่อหัวเหว่ยไว้ในบัญชีดำของบริษัทที่สร้างความเสี่ยงด้านความมั่นคง พร้อมทั้งสั่งห้ามหน่วยงานและบริษัทอเมริกันใช้เทคโนโลยีของหัวเหว่ยนั้น จะส่งผลกระทบต่อรายได้ในระยะสั้นของบริษัทหลังจากนี้
ผู้บริหารของหัวเหว่ยระบุด้วยว่า ทางบริษัทจะมุ่งเน้นที่การพัฒนาตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก แม้ว่าห่วงโซ่อุปทานนั้นจะถูกสกัดกั้นจากมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม
ขณะนี้หัวเหว่ยได้รับการชะลอการลงโทษจนถึงวันที่ 19 สิงหาคม ก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยก่อนหน้านี้ ปธน.โดนลัด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าจะผ่อนคลายการลงโทษต่อหัวเหว่ย หากผู้แทนการค้าของสองประเทศสามารถเจรจาตกลงกันได้
เมื่อเดือนที่แล้ว ซีอีโอของหัวเหว่ย เหริน เจิ้งเฟย กล่าวว่า การถูกใส่ชื่อในบัญชีดำของสหรัฐฯ จะทำให้หัวเหว่ยสูญรายได้ราว 30,000 ล้านดอลลาร์
แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า ความสูญเสียนั้นจะสามารถชดเชยได้ในระยะยาวจากเทคโนโลยี 5G เนื่องจากหัวเหว่ยได้กลายเป็นผู้นำตลาดโลกในด้านนี้ รวมทั้งจากยอดขายสมาร์ทโฟนในตลาดจีนที่หัวเหว่ยครองตลาดอยู่เกือบ 40% ในปัจจุบัน