ฮ่องกงจะยกเลิกนโยบายกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องกักตัวในโรงแรมตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป หลังใช้นโยบายดังกล่าวมากว่า 2 ปี ตามรายงานของรอยเตอร์
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เดินทางขาเข้ายังคงต้องติดตามอาการตนเองเป็นเวลาสามวันหลังเดินทางเข้าฮ่องกง โดยสามารถเดินทางไปทำงานหรือเรียนได้ แต่ไม่สามารถเข้าบาร์หรือร้านอาหารได้ในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้าใช้ชุดตรวจโควิดที่บ้านภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางมายังฮ่องกง แทนการตรวจแบบ PCR ตามข้อกำหนดเดิม
นักธุรกิจ นักการทูต และชาวฮ่องกงจำนวนมากต่างวิจารณ์นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของฮ่องกง โดยระบุว่า นโยบายดังกล่าวส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันของฮ่องกง ในฐานะศูนย์กลางการเงินของโลก
จนถึงขณะนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าฮ่องกงจะต้องอยู่กักตัวในโรงแรมเป็นเวลาสามวันหลังเดินทางเข้าฮ่องกง โดยต้องชำระค่าโรงแรมเอง และหลังจากนั้นต้องสังเกตอาการตนเองเป็นเวลาสี่วัน โดยก่อนหน้านี้ ฮ่องกงเคยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้าต้องกักตัวในโรงแรมถึงสามสัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ ลดช่วงเวลากักตัวลงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
กฎการควบคุมโควิดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจฮ่องกงนับตั้งแต่ต้นปีค.ศ. 2020 และกระตุ้นให้ชาวต่างชาติและชาวฮ่องกงอพยพออกจากฮ่องกงมากขึ้น ข้อมูลจากรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า มีผู้อพยพออกจากฮ่องกงราว 113,000 คน นับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
นโยบายดังกล่าวยังส่งผลให้เที่ยวบินจำนวนมากยุติการให้บริการในฮ่องกง โดยผู้อำนวยการของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ระบุว่า ฮ่องกงเสียตำแหน่งศูนย์กลางทางการบินของโลกเนื่องจากนโยบายควบคุมโควิด
นอกจากนี้ ยังมีงานที่ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปจำนวนมาก แม้ฮ่องกงมีแผนจะเป็นเจ้าภาพการประชุมด้านการเงินครั้งใหญ่ และการแข่งขันรักบี้นานาชาติ Rugby Sevens ในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็ตาม โดยผู้ที่จะเข้าร่วมการประชุมกล่าวว่า พวกเขาไม่ต้องการกักตัวหลังเดินทางถึงฮ่องกงเพื่อเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ทางด้านสิงคโปร์ ศูนย์กลางทางการเงินของโลกอีกแห่ง มีกำหนดเป็นเจ้าภาพการประชุมชนาดใหญ่ในเดือนนี้ ซึ่งทำให้ยอดของโรงแรมและร้านอาหารเพิ่มสูงขึ้น และในสัปดาห์นี้ ไต้หวันและญี่ปุ่นประกาศผ่อนกฎการควบคุมโควิดสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยจะมีผลในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้ ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสกว่า 1.7 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 9,934 คน นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรคโควิด-19
- ที่มา: รอยเตอร์
