เมื่อวันศุกร์ มหาวิทยาลัยในฮ่องกงอีกสองแห่งเคลื่อนย้ายงานศิลปะที่รำลึกถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งเมื่อปีค.ศ. 1989
รูปปั้น “เทพีแห่งประชาธิปไตย” (Goddess of Democracy) ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ของมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงในช่วงก่อนเช้าตรู่ รูปปั้นรูปหญิงชูคบเพลิงนี้ เป็นผลงานของเฉิน เว่ยหมิง จิตรกรชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งจำลองจากรูปปั้นดั้งเดิมที่ทำจากเปเปอร์มาเช่ ที่ถูกจัดแสดงระหว่างการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
ทางมหาวิทยาลัยระบุในแถลงการณ์ว่า รูปปั้นดังกล่าวถูกจัดแสดงโดยไม่ได้รับอนุญาต และมหาวิทยาลัยเคลื่อนย้ายรูปปั้นดังกล่าวออกไปหลังมีการประเมินเป็นการภายในแล้ว
ในวันเดียวกัน ประติมากรรมที่สื่อถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินก็หายไปจากกำแพงของมหาวิทยาลัยหลิงหนานเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดี มหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกงแยกชิ้นส่วนและเคลื่อนย้ายรูปปั้นที่รำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวออกจากบริเวณมหาวิทยาลัย หลังรูปปั้นดังกล่าวถูกจัดแสดงมากว่า 20 ปี โดยทางมหาวิทยาลัยระบุว่า รูปปั้นดังกล่าวถูกจัดเก็บในห้องเก็บของ
สภามหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกงระบุในแถลงการณ์ว่า ทางสภาตัดสินใจเคลื่อนย้ายรูปปั้นนี้ในวันพุธ โดยพิจารณาจาก “ข้อแนะนำทางกฎหมายจากภายนอก และการประเมินความเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของมหาวิทยาลัย”
ผลงานศิลปะรูปร่างกายมนุษย์บิดเบี้ยวนี้ เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานไม่กี่แห่งในฮ่องกงที่มีขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นองเลือดดังกล่าว ซึ่งเป็นประเด็นต้องห้ามในจีนแผ่นดินใหญ่ และไม่สามารถจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์ในจีนได้
รูปปั้น “เสาหลักแห่งความอัปยศ” (Pillar of Shame) นี้ เป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพของฮ่องกง เมื่ออังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนเมื่อปีค.ศ. 1997
เจนส์ กาลชิออท ศิลปินเจ้าของผลงานชิ้นนี้ บอกกับวีโอเอว่า เขาได้ลองเจรจากับทางการฮ่องกงเพื่อนำผลงานดังกล่าวออกจากมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องถูกถอดชิ้นส่วน เพื่อนำกลับไปยังเดนมาร์ก ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของเขา แต่ทางการฮ่องกงกลับไม่สนใจคำขอของเขา
ศิลปินผู้นี้ระบุว่า การกระทำครั้งนี้ “โหดร้าย” และเป็นการ “ทำลายศิลปะ” เขายังกล่าวด้วยว่า “ฮ่องกงเหมือนจีนเข้าไปทุกขณะ”
ทั้งนี้ จีนไม่เคยเปิดเผยถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปีค.ศ. 1989 อย่างละเอียด โดยทางการจีนระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวราว 300 คน แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและพยานระบุว่า อาจมีผู้เสียชีวิตถึงหลายพันคน
ทางการฮ่องกงบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายของจีนแผ่นดินใหญ่ โดยนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า เป็นกฎหมายที่ใช้เพื่อกดขี่กลุ่มประชาสังคม จำคุกนักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย และจำกัดเสรีภาพพื้นฐาน
ทางการฮ่องกงระบุว่า กฎหมายดังกล่าวทำให้ฮ่องกงกลับมามีระเบียบและมั่นคงหลังการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อปีค.ศ. 2019 และย้ำว่า กฎหมายนี้ไม่กระทบต่อเสรีภาพในการพูดและสิทธิอื่นๆ และการดำเนินคดีต่างๆ ไม่ได้เป็นเรื่องทางการเมือง