โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีอาการหัวใจวายซึ่งหัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้นั้นเวลาทุกวินาทีที่ผ่านไปล้วนมีค่ามีความหมายอย่างยิ่ง
และการนำตัวผู้ป่วยส่งถึงมือแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ได้เร็วเพียงใด ก็เป็นปัจจัยที่จะกำหนดความอยู่รอด รวมถึงโอกาสที่ผู้ป่วยจะฟื้นตัวโดยมีความเสียหายต่อสมองและระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกายน้อยที่สุดด้วย
ที่เมืองโคลัมบัส ในรัฐโอไฮโอ ขณะนี้หน่วยกู้ภัยของเมืองมีขั้นตอนการทำงานใหม่ซึ่งเชื่อมต่ออุปกรณ์ CPR หรืออุปกรณ์ช่วยกระตุ้นหัวใจไปยังศูนย์การแพทย์ Wexner ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอโดยตรง
คือขณะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังใช้เครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจกับผู้ป่วยในรถพยาบาลฉุกเฉินอยู่นั้น ทีมเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่โรงพยาบาลก็จัดเตรียมอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการช่วยชีวิตที่เรียกว่า Cath Lab ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ภาพของเส้นเลือดหัวใจและห้องหัวใจของผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัยอาการได้อย่างทันท่วงที
โดยปกติแล้ว รถพยาบาลมักจะนำคนไข้หัวใจวายส่งไปยังห้องรับผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่ที่เมืองโคลัมบัสนี้ผู้ป่วยจะถูกส่งตรงไปยังห้องปฏิบัติการ Cath Lab โดยตรง
นายแพทย์ Ernest Mazzaferri แห่งศูนย์การแพทย์ Wexner บอกว่า การส่งผู้ป่วยหัวใจวายตรงไปยังห้องปฏิบัติการ Cath Lab ทันทีนี้สำคัญมาก เพราะถ้ายิ่งเสียเวลานานเท่าใด ความเสียหายที่เกิดกับหัวใจรวมถึงสมองและอวัยวะอื่นๆ ก็จะยิ่งมากตามไปด้วย
และด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยภาพของห้องหัวใจและเส้นเลือดหัวใจ เพื่อทราบปัญหาได้อย่างถูกต้องทันท่วงทีและเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ช่วยทำงานแทนหัวใจกับปอดให้กับผู้ป่วยได้ วิธีปฏิบัตินี้จะเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
โดยคุณหมอ K. Dean Boudoulas แพทย์อีกคนหนึ่งของศูนย์การแพทย์ Wexner ชี้ว่า อุปกรณ์และขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยหัวใจวายดังกล่าว ช่วยให้คนไข้มีโอกาสออกจากโรงพยาบาลและฟื้นตัวได้โดยมีชีวิตที่มีความหมายต่อไป แทนที่จะเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ