ข้อเเนะนำขององค์การอนามัยโลก มุ่งสร้างความมั่นใจว่ามารดามีสุขภาพครรภ์ที่เเข็งเเรงและทารกได้รับปัจจัยที่จำเป็นทุกอย่างที่ช่วยในการเติบโตอย่างเต็มที่
องค์การอนามัยโลกได้ออกข้อเสนอเเนะเกือบห้าสิบข้อ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการและปัญหาทางกายต่างๆ รวมทั้งอาการแพ้ท้องและอาการแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์
ในช่วง 10 ปีกว่าที่ผ่านมา บรรดานักวิจัยพบว่ามีหลายวิธีที่ช่วยให้ทารกและมารดามีสุขภาพเเข็งเเรง โดยวิธีหนึ่งคือ หญิงตั้งครรภ์ควรรับการตรวจครรภ์โดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ด้านผดุงครรภ์อย่างน้อย 8 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์
ด็อกเตอร์ Ian Askew แห่งองค์การอนามัยโลก กล่าวว่าข้อเสนอเเนะเหล่านี้ตั้งขึ้นหลังจากมีหลักฐานยืนยันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่ชี้ว่ายิ่งหญิงตั้งครรภ์ได้พบเจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์บ่อยมากขึ้น โอกาสที่ทารกจะเสียชีวิตระหว่างคลอดหรือเกิดอาการเเทรกซ้อนจะมีน้อยลง
ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกชี้ว่า การรับการตรวจครรภ์บ่อยขึ้นจาก 4 ครั้งเป็น 8 ครั้ง จะช่วยให้ตรวจพบความบกพร่องหรือปัญหาสุขภาพ และบำบัดได้ก่อนจะสายเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอาการเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ หรือความดันเลือดสูง
ในขณะนี้เเค่ราว 64 เปอร์เซ็นต์ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด เข้ารับการตรวจครรภ์ทั้งหมด 4 ครั้งตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ องค์การอนามัยโลกชี้ว่าการเข้าตรวจครรภ์ 4 ครั้งยังน้อยไป และการตรวจครรภ์ไม่จำเป็นต้องทำที่คลินิก เพราะเจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์สามารถไปตรวจครรภ์ที่บ้านได้
ด็อกเตอร์ Ian Askew แห่งองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การได้รับการตรวจครรภ์และคำปรึกษาจากผู้ที่มีคุณสมบัติด้านการดูแลครรภ์มีความสำคัญมาก ซึ่งสามารถทำได้ที่บ้านผ่านการบริการของชุมชนหรือส่วนตัว หญิงตั้งครรภ์ไม่จะเป็นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกลๆ จากหมูบ้านเพื่อไปรับการตรวจครรภ์ที่อนามัยหรือสถานพยาบาล
WHO ประมาณว่ามีหญิงสามแสนคนเสียชีวิตจากความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ในปีที่แล้ว ในขณะที่มีทารกเสียชีวิตจำนวนมากกว่านั้นอย่างมาก
WHO ประมาณว่า มีทารกเกือบ 3 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตในช่วง 28 วันหลังคลอด และทารกอีก 2 ล้าน 5 แสนคนตายในท้อง เมื่อปี ค.ศ. 2015
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกหวังว่าข้อเสนอเเนะทางสุขภาพเเก่หญิงตั้งครรภ์นี้จะช่วยลดการเสียชีวิตของเเม่เเละทารกลงและยังเพิ่มโอกาสสูงขึ้นแก่ทารกที่จะคลอดออกมาพร้อมกับสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรง
(รายงานโดยเรียบเรียงโดย Carol Pearson / ทักษิณา ข่ายแก้ว)
