บริษัทเทคโนโลยี อัลฟาเบ็ท (Alphabet Inc) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ประกาศระงับการทำธุรกิจกับบริษัทเทคโนโลยีจีน หัวเหว่ย (Huawei) ในส่วนที่ต้องมีการถ่ายโอนฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และบริการด้านเทคโนโลยีต่างๆ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส หลังจากที่หัวเหว่ยเพิ่งถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ใส่ชื่อไว้ในบัญชีดำของบริษัทต่างชาติที่อาจถูกตัดขาดการทำธุรกิจกับบริษัทอเมริกันทั้งหมด
ด้านโฆษกของกูเกิล แถลงในวันจันทร์ว่า ผู้ที่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนของหัวเหว่ยอยู่ จะยังคงสามารถใช้และดาวน์โหลดแอพพ์ของกูเกิลต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการระงับความสัมพันธ์ครั้งนี้จะกระทบต่อผู้ใช้สมาร์ทโฟนหัวเหว่ยในอนาคต เนื่องจากหัวเหว่ยจะไม่สามารถอัพเดทระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลได้อีก ซึ่งรวมถึงแอพพ์ต่างๆ อยา่ง Google Play Store, Gmail และ YouTube
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ใส่ชื่อ "หัวเหว่ย" ไว้ในบัญชีดำที่มีโอกาสถูกสั่งห้ามทำธุรกิจทุกประเภทกับบริษัทอเมริกัน ซึ่งทางรัฐบาลจีนได้ออกมากล่าวโจมตีการตัดสินใจของสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องบริษัทของจีน
และเมื่อวันเสาร์ นายเหริน เจิ้งเฟย ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเหว่ย กล่าวว่า มาตรการลงโทษของรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อตัวเลขการเติบโตของหัวเหว่ย
นายเหริน กล่าวว่าหัวเหว่ยไม่เคยละเมิดกฎหมายใดๆ และทางบริษัทจะไม่เปลี่ยนคณะผู้บริหารตามที่สหรัฐฯ ร้องขอ หรือยอมรับให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถตรวจสอบการทำงานของบริษัทได้ ดังที่บริษัทโทรคมนาคมของจีนอีกรายหนึ่ง คือ ZTE ได้ทำมาแล้ว
เขายืนยันด้วยว่าจะไม่ยอมรับคำสั่งใดๆ จากรัฐบาลอเมริกัน แม้จะถูกกดดันอย่างหนักในขณะนี้ก็ตาม
ซีอีโอของหัวเหว่ยยังกล่าวด้วยว่า ทางบริษัทจะยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างไม่มีปัญหา แม้บริษัทผลิตชิพคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ เช่น Intel, Qualcomm, Xilinx และ Broadcom มีท่าทีว่าอาจจะไม่ส่งชิพมาให้กับหัวเหว่ยเพื่อใช้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ในอนาคตก็ตาม
ด้านบริษัท HiSilicon ผู้ผลิตชิพป้อนให้กับหัวเหว่ย ระบุว่า ได้เตรียมพร้อมรับมือกับการลงโทษของสหรัฐฯ ในลักษณะนี้ มานานแล้ว