นายเหริน เจิ้งเฟย ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน หัวเหว่ย (Huawei) กล่าวว่า มาตรการลงโทษของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สั่งห้ามใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ยในอเมริกานั้น จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อตัวเลขการเติบโตของหัวเหว่ย
สื่อของญี่ปุ่น Nikkei Asian Review รายงานคำพูดของนายเหริน ซึ่งยืนยันว่าหัวเหว่ยไม่เคยละเมิดกฎหมายใดๆ และทางบริษัทจะไม่เปลี่ยนคณะผู้บริหารตามที่สหรัฐฯ ร้องขอ หรือยอมรับให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถตรวจสอบการทำงานของบริษัทได้ ดังที่บริษัทโทรคมนาคมของจีนอีกรายหนึ่ง คือ ZTE ได้ทำมาแล้ว
นายเหริน ยืนยันว่าจะไม่ยอมรับคำสั่งใดๆ จากรัฐบาลอเมริกัน แม้จะถูกกดดันอย่างหนักในขณะนี้ก็ตาม
ซีอีโอของหัวเหว่ยยังกล่าวด้วยว่า ทางบริษัทจะยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างไม่มีปัญหา แม้บริษัทผลิตชิพคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ จะไม่ส่งชิพมาให้กับหัวเหว่ยเพื่อใช้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ก็ตาม เพราะบริษัท HiSilicon ผู้ผลิตชิพป้อนให้กับหัวเหว่ย ได้เตรียมพร้อมรับมือกับการลงโทษของสหรัฐฯ มานานแล้ว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ใส่ชื่อ "หัวเหว่ย" ไว้ในบัญชีดำที่มีโอกาสถูกสั่งห้ามทำธุรกิจทุกประเภทกับบริษัทอเมริกัน ซึ่งทางรัฐบาลจีนได้ออกมากล่าวโจมตีการตัดสินใจของสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องบริษัทของจีน
เมื่อเดือนธันวาคม บุตรสาวของนายเหริน คือ เมิ่ง ว่างโจว ได้ถูกจับกุมที่สนามบินเมืองแวนคูเวอร์ ในแคนาดา หลังจากรัฐบาลอเมริกันกล่าวหาว่าเธอได้ปกปิดความเชื่อมโยงของหัวเหว่ยกับบริษัทฮ่องกงรายหนึ่ง ที่ชื่อ Skycom ที่ขายอุปกรณ์เทคโนโลยีอเมริกันให้กับอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นความผิด เพราะสหรัฐฯ ใช้มาตรการลงโทษอิหร่านอยู่ในขณะนี้
ต่อมาศาลแคนาดาอนุญาตให้ประกันตัวเธอได้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเดินเรื่องขอให้แคนาดาส่งตัวเธอมาดำเนินคดีในอเมริกา