เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเยอรมนี เตือนประชาชนให้พร้อมรับมือกับภาวการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ ในระลอกที่ 3 ในเวลานี้ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของไวรัสนี้ในอังกฤษ
โลธาร์ วีเลอร์ ประธานสถาบันโรคติดเชื้อโรเบิร์ต โคช ในกรุงเบอร์ลิน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไวรัส โควิด-บี117 ซึ่งเป็นสายที่กลายพันธุ์มา และมีจุดเริ่มต้นที่อังกฤษ กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในเยอรมนี และน่าจะเป็นสาเหตุของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันนั้นเพิ่งทำสถิติสูงสุดในรอบไม่ถึง 1 เดือน ในวันศุกร์นี้เอง
วีเลอร์ กล่าวด้วยว่า แม้การฉีดวัคซีนจะช่วยให้การควบคุมการระบาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนยังควรทำตามหลักปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อ อันได้แก่ การรักษาระยะห่างทางสังคม และมาตรการอื่นๆ ต่อไป โดยระบุว่า “ไวรัสนั้นจะไม่อันตรธานหายไปอีกแล้ว แต่ถ้าทุกคนช่วยกันสร้างระดับภูมิคุ้มกันพื้นฐานในกลุ่มประชากรได้ เราก็จะสามารถควบคุมไวรัสไว้ได้”
ในการแถลงข่าวนี้ เยน ชปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี กล่าวย้ำว่า ประชาชนในเยอรมนีนั้นควรจะเริ่มเตรียมพร้อมรับมือกับ “ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ที่จะเต็มไปด้วยความท้าทายหลายประการ” กันได้แล้ว
นอกจากนั้น รมต.ชปาห์น แสดงความเสียใจต่อกรณีที่ประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งระงับการใช้วัคซีนจาก แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) หลังมีรายงานกรณีลิ่มเลือดอุดตัน แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันว่า วัคซีนดังกล่าวคือสาเหตุก็ตาม โดยกล่าวว่า ขณะที่ เยอรมนีจับตาดูรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนต่างๆ อยู่อย่างใกล้ชิด หน่วยงาน European Medicines Agency (EMA) และหน่วยงานกำกับดูแลการแจกจ่ายวัคซีนของเยอรมนีเอง ยังไม่พบหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับปัญหาลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นจากการใช้วัคซีนตัวที่ว่าเลย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเดนมาร์กประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ชั่วคราวเป็นเวลา 14 วัน หลังมีรายงานว่า ผู้ป่วยบางคนเกิดปัญหาลิ่มเลือดหลังจากได้รับวัคซีนดังกล่าว ซึ่งเป็นกรณีคล้ายๆ กับที่ออสเตรียรายงานเมื่อต้นสัปดาห์