นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาของประธานสภาสหภาพยุโรป ที่ว่าอังกฤษสั่งห้ามส่งออกวัคซีนโควิด-19
เมื่อวันอังคาร นายชารล์ส มิเชล ประธานสภาสหภาพยุโรป เขียนบทความออนไลน์ในเว็บไซต์ของอียู ระบุว่า อังกฤษและสหรัฐฯ ต่างใช้มาตรการห้ามส่งออกวัคซีนโควิดและส่วนประกอบที่ใช้ในวัคซีนซึ่งผลิตในประเทศ
แต่ในวันพุธ นายกฯ จอห์นสัน กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษว่า รัฐบาลมิได้ห้ามการส่งออกวัคซีนโควิดแต่อย่างใด รวมถึงส่วนประกอบอื่น ๆ ของวัคซีนด้วย พร้อมยืนยันว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกประเทศต้องยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน และอังกฤษขอต่อต้านแนวคิดชาตินิยมทุกรูปแบบ
เวลานี้โครงการวัคซีนของอังกฤษถูกมองว่าประสบความสำเร็จมากกว่าของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศซึ่งถูกวิจารณ์ว่าล่าช้า โดยเมื่อเพิจารณาตัวเลขแล้วพบว่ามีคนอังกฤษวัยผู้ใหญ่ราว 35% ที่ได้รับวัคซีนโควิดแล้ว เทียบกับประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหภาพยุโรปที่ได้รับไปเพียง 9.5%
ขณะเดียวกัน โฆษกของอียูประกาศในวันพุธว่า ได้บรรลุข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนโควิดจากบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) เพิ่มอีก 4 ล้านโดส โดยจะส่งมอบสิ้นเดือนนี้
แถลงการณ์ของประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป เออร์ชูลา วอน เดอ เลเยน ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิผลในการรับมือกับโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ซึ่งพบครั้งแรกในบราซิลและมีอัตราการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม