ตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงภายนอกรัฐสภาในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ขณะที่สภากำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่จะมอบอำนาจให้นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ออกกฎเพื่อจำกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น ในช่วงที่เยอรมนีเผชิญกับการระบาดระลอกที่สาม
โฆษกตำรวจในกรุงเบอร์ลินระบุว่า ตำรวจต้องสลายการชุมนุมเนื่องจากผู้ประท้วงไม่สวมหน้ากากและไม่รักษาระยะห่างทางสังคม เขาระบุว่า มีผู้ถูกคุมตัว 60 คน และแม้ตำรวจต้องใช้สเปรย์พริกไทยกับผู้ประท้วงที่โยนขวดและพยายามปีนข้ามรั้ว แต่เขาก็ยืนยันว่า มีการใช้ความรุนแรงเพียงเล็กน้อย
ผู้ประท้วงจำนวนมากโบกธงชาติเยอรมันและชูป้ายพร้อมข้อความว่า มาตรการปิดเมืองทำลายคุณค่าของรัฐธรรมนูญ โดยชาวเยอรมันจำนวนมากอ่อนไหวต่อมาตรการรับมือกับไวรัสต่าง ๆ เนื่องจากพวกเขามองว่า เป็นการคุกคามเสรีภาพของพวกเขาจากประสบการณ์ในอดีตที่ประเทศเคยถูกปกครองด้วยระบอบนาซีและคอมมิวนิสต์ มีการประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายนี้ทั่วประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อวันพุธ สภาล่างของเยอรมนีผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 342 ต่อ 250 เสียง มีผู้งดออกเสียง 64 เสียง โดยสภาสูงของเยอรมนีจะพิจารณากฎหมายนี้ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากกฎหมายนี้ได้รับไฟเขียว รัฐบาลกลางของเยอรมนีจะมีอำนาจพิเศษเพิ่มไปจนถึงเดือนมิถุนายน
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐบาลกลางเยอรมนียกระดับมาตรการควบคุมการระบาด รวมถึงการสั่งเคอร์ฟิวช่วงเวลา 22.00 - 5.00 น. ในบริเวณที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 คนต่อประชากร 100,000 คนในรอบเจ็ดวัน
รัฐบาลกลางจะมีอำนาจสั่งให้โรงเรียนต่าง ๆ ในรัฐที่อัตราการติดเชื้อสูงกว่า 165 คนต่อประชากร 100,000 คน ให้กลับมาทำการเรียนการสอนออนไลน์ ซึ่งเป็นการยกระดับจากร่างกฎหมายเดิมที่ระบุว่า จะมีการบังคับใช้มาตรการนี้ในรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่า 200 คนต่อประชากร 100,000 คน
ณ วันพุธ มีรัฐเพียงรัฐเดียวในเยอรมนีที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่า 100 คนต่อประชากร 100,000 คน และมีเจ็ดรัฐที่มีอัตราดังกล่าวสูงกว่า 165 คนต่อประชากร 100,000 คนรวมถึงรัฐบาวาเรีย และรัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน ซึ่งเป็นสองรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด