ผู้นำเยอรมนีเตรียมขอใช้อำนาจพิเศษเพื่อสั่งดำเนินการล็อคดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง เพื่อสกัดการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ขณะที่อังกฤษเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ หลังสถานการณ์การระบาดของตนเริ่มคลี่คลาย
นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี เปิดเผยในวันอังคารว่า ตนกำลังขออำนาจจากรัฐสภาเป็นการชั่วคราวเพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถดำเนินการมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ เช่น การออกคำสั่งเคอร์ฟิว การปิดโรงเรียนและธุรกิจในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อสูงได้ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว
นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า มาตรการทั้งหลายนี้เป็นสิ่งจำเป็น “เพื่อช่วยทะลายการระบาดใหญ่ระลอกที่ 3 และหยุดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อรายใหม่” ในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อสูงกว่า 100 คนต่อประชาชน 100,000 คน ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วันใน 1 สัปดาห์
ผู้นำเยอรมนียังเรียกร้องให้ประชาชนในประเทศอดทน และย้ำว่า โครงการฉีดวัคซีนนั้นกำลังค่อยๆ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ในเวลานี้
รายงานข่าวระบุว่า หลายประเทศในยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงขึ้นเพราะไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.7 ที่ถูกพบครั้งแรกในอังกฤษ และหลายแห่งกำลังพิจารณาขยายมาตรการล็อคดาวน์ที่บังคับใช้อยู่ออกไปอีกระยะ
ขณะเดียวกัน ผับ ร้านค้า และธุรกิจบริการต่างๆ ในอังกฤษ เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ หลังตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอาการป่วยโควิด-19 ลดลงต่ำถึงระดับเดียวกับที่บันทึกไว้เมื่อช่วงฤดูร้อนของปีที่แล้ว
มีรายงานข่าวว่า ราว 60 เปอร์เซ็นต์ของชาวอังกฤษในวันผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว โดยรัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าจะทำการฉีดยาให้ประชากรกลุ่มนี้ให้ครบถ้วนภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม หากไม่มีปัญหาเรื่องการส่งมอบวัคซีนจากผู้ผลิต
ศาสตราจารย์ แอนโธนี ฮาร์นเดน จากคณะกรรมาธิการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันของอังกฤษ กล่าวว่า การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศได้อีกครั้งนั้น เป็นเพราะความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีน พร้อมให้ความเห็นว่า การระบาดระลอกที่ 3 ทั่วยุโรปนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสัดส่วนประชากรที่รับวัคซีนแล้วยังไม่สูงมาก