ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในรัฐฟลอริดาที่รับผิดชอบคดีที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถูกตั้งข้อหาว่าจัดการเอกสารชั้นความลับของทางการอย่างไม่เหมาะสม ประกาศยกฟ้องในวันจันทร์ เพราะเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งจากทนายจำเลยว่า อัยการพิเศษกระทรวงยุติธรรมผู้ยื่นฟ้องได้รับการแต่งตั้งมาโดยไม่ถูกกฎหมาย
คำตัดสินของผู้พิพากษาชั้นต้น ไอลีน แคนนอน ซึ่งอัยการยังสามารถอุทธรณ์และมีโอกาสถูกกลับคำตัดสินในศาลอุทธรณ์ได้ ถือเป็นบทสรุปที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้หลายฝ่ายประหลาดใจสำหรับคดีอาญาที่ถูกมองว่า ไม่เป็นผลดีอย่างมากต่ออดีตประธานาธิบดีที่กำลังลงรับสมัครเลือกตั้งอีกครั้งอยู่
แม้คดีดังกล่าวถูกยื้อมาระยะหนึ่งแล้วจนหลายคนคาดว่า อาจไม่ไปถึงชั้นการเปิดศาลไต่สวนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน คำตัดสินของผู้พิพากษาแคนนอนกลายมาเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของทรัมป์ที่เพิ่งรอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารมาและเตรียมขึ้นรับการยืนยันเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่การประชุมใหญ่พรรคในเมืองมิลวอกีในสัปดาห์นี้อยู่
พัฒนาการนี้ยังเป็นข่าวดีชิ้นล่าสุดในคดีอาญา 4 คดีที่ทรัมป์เผชิญอยู่ หลังถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่โดยศาลรัฐนิวยอร์กในเดือนพฤษภาคม แต่ยังต้องรอการตัดสินการลงโทษอยู่ ขณะที่ เสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลสูงสหรัฐฯ มีความเห็นว่า อดีตประธานาธิบดีนั้นมีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับการดำเนินการใด ๆ ก็ตามในฐานะประธานาธิบดี
ความเห็นดังกล่าวของตุลาการศาลสูงส่วนใหญ่ทำให้การเดินหน้าฟ้องร้องทรัมป์ของอัยการพิเศษสมิธในคดีว่าด้วยการมีส่วนร่วมในความพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งปี 2020 ต้องเลื่อนออกไป ขณะที่ คดีว่าด้วยการล้มการเลือกตั้งที่อัยการรัฐจอร์เจียยื่นฟ้องก็ถูกเลื่อนการพิจารณาไปเนื่องจากประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างอัยการเขตและอัยการพิเศษที่ดูแลคดีนี้
หลังรับทราบคำตัดสินล่าสุดของศาลชั้นต้นในฟลอริดา ทรัมป์โพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า การยกฟ้องนี้ “ควรจะเป็นเพียงก้าว ๆ แรก” และว่า อีก 3 คดีที่ตนเรียกว่าเป็น “การล่าแม่มด” ควรถูกยกฟ้องไปด้วย
คดีว่าด้วยเอกสารชั้นความลับนี้เป็นคดีที่มีความชัดเจนในแง่กฎหมายที่สุดจากทั้งหมด 4 คดีที่มีการยื่นฟ้องต่อทรัมป์ เนื่องจากหลักฐานมากมายที่อัยการกล่าวว่า เก็บรวบรวมมาได้ตั้งแต่หลังอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2021 แม้ทรัมป์จะให้การว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาและกล่าวว่าไม่ได้ทำความผิดใด ๆ
ก่อนที่ผู้พิพากษาแคนนอนจะมีคำพิพากษาในวันจันทร์ ทนายจำเลยยื่นคำร้องแย้งหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงจุดที่ว่า อัยการพิเศษแจ็ค สมิธ ถูกเสนอชื่อรับตำแหน่งโดยไม่ถูกกฎหมายเมื่อพิจารณาตามอนุมาตราว่าด้วยการแต่งตั้ง (Appointments Clause) ของรัฐธรรมนูญ เพราะสมิธถูกแต่งตั้งโดยรัฐมนตรียุติธรรมเมอร์ริค การ์แลนด์ แทนที่จะผ่านการรับรองโดยสภาคองเกรส และว่า สำนักงานของสมิธได้รับเงินสนับสนุนอย่างไม่เหมาะสมจากกระทรวงยุติธรรม
ผู้พิพากษาแคนนอนระบุความเห็นในคำตัดสินความยาว 93 หน้า ว่า “ตำแหน่งอัยการพิเศษนั้นช่วงชิงอำนาจทางนิติบัญญัติที่มีความสำคัญมา และถ่ายโอนต่อไปยังหัวหน้าของกระทรวง ด้วยกระบวนการที่เป็นภัยต่อเสรีภาพเชิงโครงสร้างที่โดยเนื้อแท้นั้นก็คือความพยายามแยกส่วนอำนาจ” และว่า “หากฝ่ายการเมืองปรารถนาที่จะให้อำนาจแก่รัฐมนตรียุติธรรมในการแต่งตั้งอัยการพิเศษสมิธเพื่อสืบสวนและดำเนินคดีในเรื่องนี้ด้วยอำนาจเต็มของอัยการแห่งสหรัฐฯ ก็มีวิธีที่ถูกต้องในการทำการดังว่า” ซึ่งหมายถึง การรับรองจากสภาคองเกรสก่อนนั่นเอง
ทีมงานของสมิธพยายามต่อสู้อย่างนั้นกับคำโต้แย้งเรื่องนี้ในการไต่สวนคดีต่อหน้าผู้พิพากษาแคนนอนเมื่อเดือนที่แล้ว โดยระบุว่า รัฐมนตรียุติธรรมมีอำนาจเต็มภายใต้กฎเกณฑ์ของกระทรวงที่จะแต่งตั้งและจัดสรรงบสนับสนุนการทำงานของอัยการพิเศษ พร้อมกล่าวว่า หากผู้พิพากษาจะเห็นด้วยกับทรัมป์ การดำเนินการที่ถูกต้องก็ไม่ใช่การยกฟ้อง
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น