หลายประเทศในยุโรปกำลังเปิดพรมแดนต้อนรับชาวต่างชาติมากขึ้นหลังจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ที่ใช้มาตลอดสามเดือนที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่ยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มประเทศในยุโรปด้วยกันเอง
คณะกรรมการฝ่ายกิจการภายในของสหภาพยุโรป กล่าวกับประเทศสมาชิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศเหล่านั้นควรเปิดประเทศให้เร็วที่สุด นั่นหมายว่าตั้งแต่วันจันทร์นี้ ชาวยุโรปจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างประเทศที่เป็นสมาชิกเชงเก้นวีซ่าได้ และรวมไปถึงอังกฤษที่เพิ่งแยกตัวออกจากอียูด้วย
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ เอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ จะยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านประเทศเหล่านี้ได้
นายกรัฐมนตรีกรีซ คีเรียคอส มิทโซทาคิส กล่าวว่า การท่องเที่ยวภายในของยุโรปจะกลับมาเป็นปกติได้เร็วแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะรู้สึกสบายใจกับการเดินทางมากน้อยแค่ไหน และขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในแต่ละประเทศด้วย
สเปน จะเริ่มยกเลิกมาตรการห้ามเดินทางในประเทศในช่วงกลางเดือนนี้ และเริ่มให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม
อิตาลี เริ่มเปิดพรมแดนตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.
ฝรั่งเศส จะเริ่มเปิดพรมแดนส่วนใหญ่ในวันจันทร์นี้ แต่ผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษยังต้องกักตัว 14 วัน
เยอรมนี เปิดพรมแดนฝั่งติดกับโปแลนด์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และเริ่มเปิดพรมแดนส่วนอื่น ๆ ในวันจันทร์นี้ แต่ผู้ที่จะเดินทางเข้าเยอรมนียังต้องระบุเหตุผลที่ต้องเข้าประเทศด้วย
ออสเตรีย จะเปิดพรมแดนในวันอังคารสำหรับประเทศในยุโรป ยกเว้น ผู้ที่เดินทางมาจากสเปน โปรตุเกส สวีเดน อังกฤษ และแคว้นลอมบาร์ดีในอิตาลี ที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง
อังกฤษ ยังคงใช้มาตรการกักตัว 14 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
เดนมาร์ก เปิดประเทศรับนักเดินทางจากเยอรมนี นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ ภายใต้ข้อแม้ว่าต้องพักในเดนมาร์กอย่างน้อย 6 วัน แต่ยังคงปิดพรมแดนด้านที่ติดกับสวีเดน
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ชาวยุโรปส่วนใหญ่ยังจะไม่เดินทางท่องเที่ยวข้ามประเทศมากนัก แต่จะอยู่ไม่ไกลจากถิ่นที่พักอาศัยของพวกเขาเองมากกว่า เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดที่ยังคงมีอยู่
จนถึงขณะนี้ ยุโรปมีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสทั้งหมดมากกว่า 2 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 182,000 คน ตามข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์