กองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้าปะทะกับกองกำลังป้องกันยูเครนและนักรบประชาชนในกรุงเคียฟเพื่อแย่งชิงการครอบครองเมืองหลวงรวมทั้งเมืองอื่น ๆ ของยูเครนเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน
ในวันอาทิตย์ ทหารรัสเซียไปรุกเข้าเขตเมืองคาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ท่ามกลางการต้านทานอย่างหนักจากทหารและประชาชนยูเครน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองคาร์คีฟซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียราว 40 กิโลเมตร ขณะที่การต่อสู้อย่างดุเดือดดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานประธานาธิบดียูเครนรายงานว่า เกิดระเบิดในเมืองคาร์คีฟ และเชื่อว่าทหารรัสเซียได้ระเบิดท่อส่งแก๊สในเมืองดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิด "หายนะร้ายแรงด้านสิ่งแวดล้อม" พร้อมเตือนให้ประชาชนปิดหน้าต่างทุกบานและดื่มน้ำเยอะ ๆ
ขณะเดียวกัน มีรายงานการระดมยิงปืนใหญ่ใส่เมืองดอเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครนที่ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพิ่งรับรองสถานะความเป็นรัฐอิสระ
ทางด้านผู้นำชาติตะวันตกต่างออกมาตอบรับคำขอความช่วยเหลือของยูเครน โดยนายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลซ์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เยอรมนีจะส่งปืนต่อต้านรถถัง 1,000 กระบอกให้กับยูเครน และเครื่องยิงจรวดภาคพื้นดินสู่อากาศอีก 500 ชุด ขณะที่ฝรั่งเศสรับปากว่าจะส่งอาวุธและเชื้อเพลิงให้กับยูเครนเช่นกัน
ประธานาธิบดีเซเลนสกี และรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ต่างโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ แสดงความยินดีต่อความช่วยเหลือทางทหารจากชาติตะวันตก พร้อมเชื้อเชิญชาติต่าง ๆ เข้าร่วมในการแสดงจุดยืนต่อต้านรัสเซีย
เมื่อวันเสาร์ ทางการยูเครนได้ขอให้ประชาชนช่วยต่อสู้ป้องกันเมืองหลวงของประเทศจากการบุกรุกของรัสเซีย หลังจากที่ก่อนหน้านั้นทหารของรัสเซียได้โจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของยูเครน และมีอาคารสูงแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟถูกโจมตีเช่นกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครนกล่าวว่าอาคารดังกล่าวถูกโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธของรัสเซีย ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยผู้หนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอพี ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คนจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธดังกล่าว ภาพวีดีโอแสดงให้เห็นว่าอาคารสูงแห่งนั้นได้รับความเสียหายอย่างมากในด้านบนของตัวอาคาร
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ผู้หนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "จากการสังเกตการณ์พบว่าพลังต่อต้านของยูเครนนั้นมากกว่าที่รัสเซียคาดไว้ โดยเฉพาะในแถบทางเหนือของประเทศ"
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกผู้หนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยตัวตนเช่นกันเผยว่า กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธถล่มยูเครนไปแล้วมากกว่า 200 ลูกนับตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตียูเครนเริ่มขึ้นเมื่อสี่วันก่อน โดยส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางทหารในยูเครน
ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอนเนสตี อินเตอร์แนชันแนล (Amnesty International) ชี้ว่ารัสเซียอาจจะกำลังก่ออาชญากรรมสงครามจากการรุกรานยูเครน
ทางด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย พลเอกอิกอร์ โคนาเชนคอฟ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้กองทัพรัสเซียได้โจมตีเป้าหมายทางทหารในยูเครนไปแล้ว 821 จุด รถถัง 87 คัน รวมทั้งเป้าหมายสำคัญอื่น ๆ
โฆษกรัสเซียกล่าวอ้างด้วยว่า กองทัพรัสเซียสามารถยึดครองเมืองเมลิโตโพล ทางใต้ของยูเครนไว้ได้แล้ว และกลุ่มแข็งข้อต่อต้านที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียก็สามารถครอบครองพื้นที่ในแคว้นดอนบาสได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ของชาติตะวันตกชี้ว่า สถานการณ์ในยูเครนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเชื่อว่ามีทหารรัสเซียเข้าร่วมสงครามในยูเครนแล้วมากกว่า 190,000 คน
ด้านสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขยูเครนที่เปิดเผยว่า มีประชาชนยูเครนเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 200 คน รวมทั้งเด็ก ๆ หลายคน แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันตัวเลขดังกล่าว ขณะที่ทางการยูเครนระบุว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 คน
- ที่มา: วีโอเอ เอพี และรอยเตอร์