โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปออกมาให้ในวันอาทิตย์ความเห็นว่า การตัดสินใจโดยลำพังของโปแลนด์และฮังการีที่จะสั่งห้ามการนำเข้าธัญพืชและผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ของยูเครนเพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศ เป็นสิ่งที่สมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ควรทำและยอมรับไม่ได้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
นับตั้งแต่มีการบรรลุข้อตกลงระเบียงทะเลดำที่เปิดโอกาสให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชของตนได้ หลังต้องหยุดชะงักเพราะการรุกรานของยูเครน ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจำนวนมากของยูเครนที่มีราคาถูกกว่าของประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในอียู กลับไปค้างอยู่ในพื้นที่ประเทศตอนกลางยุโรป เนื่องจากปัญหาคอขวดด้านโลจิสติกส์ และสถานการณ์ดังกล่าวก็ส่งผลให้ราคาสินค้าและการขายในบางประเทศมีปัญหาพอควร
ประเด็นนี้เป็นปัญหาทางการเมืองของโปแลนด์สำหรับพรรคกฎหมายและยุติธรรม (Law and Justice Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว เพราะประชาชนในพื้นที่ชนบทซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคนี้ไม่พอใจอย่างมากต่อเรื่องราคาสินค้าเกษตร
และหลังโปแลนด์ รวมทั้งฮังการี ประกาศสั่งห้ามการนำเข้าสินค้ายูเครน โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรปก็ออกมาให้ความเห็นโดยระบุในแถลงการณ์ที่มีการส่งให้กับสื่อ ซึ่งรวมถึงรอยเตอร์ ว่า “เราตระหนักดีถึงการประกาศของโปแลนด์และฮังการี เกี่ยวกับห้ามการนำเข้าธัญพืชและผลิตภัณฑ์เกษตรจากยูเครน” และว่า “ในบริบทนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องมีการเน้นย้ำก็คือว่า นโยบายการค้า คือ ความสามารถเฉพาะของอียู ดังนั้น การกระทำต่าง ๆ โดยลำพังนั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้”
แถลงการณ์นี้ยังระบุด้วยว่า “ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ สิ่งที่สำคัญยิ่งยวดคือ การประสานและการดำเนินการตัดสินใจต่าง ๆ ในอียูให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน”
อย่างไรก็ดี พิออทรา มูลเลอร์ โฆษกรัฐบาลโปแลนด์ บอกกับสื่อ PAP ซึ่งเป็นของรัฐว่า รัฐบาลวอร์ซอได้หารือกับคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด และการออกคำสั่งห้ามนี้เกิดขึ้นได้เพราะเงื่อนเกี่ยวกับความมั่นคง
ขณะเดียวกัน ยาฟอร์ เกเชฟ รัฐมนตรีเกษตรของบัลแกเรีย เปิดเผยว่า บัลแกเรียก็กำลังพิจารณาประกาศห้ามการนำเข้าธัญพืชยูเครนเช่นกัน ตามรายงานของสื่อ BTA ในวันอาทิตย์
- ที่มา: รอยเตอร์