สหภาพยุโรปประกาศใช้มาตรการอุดช่องโหว่ที่อนุญาตให้รัฐบาลประเทศในยุโรปขายอาวุธให้กับรัสเซียมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีมาตรการห้ามขายอาวุธให้แก่รัสเซียซึ่งนำมาใช้ตั้งแต่ปีค.ศ. 2014
เมื่อปีที่แล้ว ประเทศสมาชิกอียูขายอาวุธให้กับรัสเซียเป็นมูลค่ารวม 39 ล้านยูโร หรือ 42.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปีค.ศ. 2020 อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดจากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป
อียูเริ่มใช้มาตรการห้ามขายอาวุธให้แก่รัสเซียตั้งแต่ปีค.ศ. 2014 หลังจากที่รัสเซียควบรวมแคว้นไครเมีย ภายใต้เงื่อนไขว่าสามารถขายอาวุธได้หากทำสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2014
โดยประเทศผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ของยุโรป เช่น ฝรั่งเศส และเยอรมนี ล้วนส่งออกอาวุธไปให้กับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขที่กลายเป็นช่องโหว่นั้นได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากที่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ภายใต้สิ่งที่รัสเซียเรียกว่า "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร"
เจ้าหน้าที่ของอียูเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ที่ผ่านมา อียูได้ประกาศมาตรการลงโทษต่อรัสเซียไปแล้ว 5 ชุดเพื่อตอบโต้การทำสงครามในยูเครน แต่การอุดช่องโหว่ในการขายอาวุธโดยอ้างสัญญาซื้อขายเดิมนั้นเพิ่งถูกนำมาใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปมิได้ระบุถึงการปิดช่องโหว่ดังกล่าวระหว่างการประกาศมาตรการลงโทษชุดที่ 5 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่โฆษกคณะเจ้าหน้าที่การทูตของลิทัวเนียประจำอียู ยืนยันว่า ช่องโหว่นั้นได้ถูกปิดลงแล้ว หลังจากที่รัฐบาลบางประเทศในยุโรป เช่น โปแลนด์และลิทัมเนีย วิจารณ์ช่องโหว่นั้นว่าเป็นการสนับสนุนการขายอาวุธให้แก่รัสเซียซึ่งสามารถนำมาใช้ในการรุกรานยูเครน