เด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่สามของโรงเรียนประถม Henry Gradstein ในนครนิวยอร์ก อุ่นเครื่องด้วยการขยับแขน ข้อมือและนิ้วมือ ก่อนจะเริ่มฝึกคัดลายมือภาษาอังกฤษ
ครูที่โรงเรียนประถมเเห่งนี้เชื่อว่า การสอนให้เด็กนักเรียนคัดลายมือจะช่วยให้เด็กแต่งประโยคภาษาอังกฤษได้เก่งขึ้น และยังช่วยในการฝึกหัดสะกดคำศัพท์ให้ถูกต้องอีกด้วย
เพราะการคัดลายมือช่วยให้เด็กจดจ่อกับตัวหนังสือเเต่ละตัวและคำศัพท์เเต่ละคำ
Jessica Geller ครูใหญ่ของโรงเรียนประถมเเห่งนี้ กล่าวว่าทางโรงเรียนมองว่าสำคัญมากที่เด็กนักเรียนประถมได้เรียนรู้เเบบองค์รวม คือเด็กนักเรียนระดับปฐมวัยได้เรียนรู้รอบด้าน เพื่อเตรียมตัวเด็กให้พร้อมกับการเรียนในระดับมัธยม และมหาวิทยาลัยต่อไปในอนาคต
ทางโรงเรียนมีการสอนการเล่นหมากรุกและการเต้นลีลาศด้วย เพื่อส่งเสริมการเรียนแบบองค์รวมนี้
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่า มีเด็กนักเรียนจำนวน 1 ล้าน 1 แสนคนทั่วนครนิวยอร์ก กำลังเรียนการคัดลายมือ และอย่างน้อยมีรัฐ 5 รัฐทั่วประเทศที่บังคับให้มีการเรียนคัดลายมือในโรงเรียนประถม
แม้ว่าเด็กนักเรียนประถมในอเมริกาจะใช้แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์กันอย่างคล่องแคล่ว แต่นักการศึกษาอเมริกันชี้ว่า จำเป็นมากที่เด็กนักเรียนประถมต้องเรียนคัดลายมือให้เก่ง
Jessica Geller ครูใหญ่ของโรงเรียนประถม Henry Gradstein ในนครนิวยอร์ก กล่าวว่า ระดับชั้นประถมตอนต้นเป็นช่วงที่เด็กนักเรียนกำลังหัดเขียนและอ่านให้คล่อง
ทางโรงเรียนพบว่าการหัดคัดลายมือช่วยให้เด็กเขียนเเละอ่านได้ดีขึ้น เเม้แต่ในกลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคความบกพร่องด้านการอ่านหนังสือ หรือ dyslexia
เพราะการคัดตัวหนังสือให้เชื่อมโยงกันเป็นคำ ถือเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ช่วยให้สะกดคำได้อย่างถูกต้อง และพัฒนาความสามารถในการเขียนให้ดีขึ้นในเด็กวัยนี้
เด็กนักเรียนในโรงเรียนเองก็ตื่นเต้นกับการการเรียนคัดลายมือ
Camille Santos เด็กนักเรียนชั้นปีที่สามของโรงเรียนประถมแห่งนี้ กล่าวว่าในการคัดลายมือ นักเรียนต้องทำมุมในการลากเส้นตัวหนังสือให้ถูกต้อง ต้องนั่งตัวตรง การคัดลายมือเหมือนกับการวาด มีทั้งยากและง่ายปนเปกันไป
และ Norzim Lama นักเรียนประถมปีที่สามอีกคนหนึ่ง บอกว่าชอบคัดลายมือเพราะสวยดี
ด้านนักการศึกษาชี้ว่า หากเด็กนักเรียนชอบเรียนคัดลายมือ เด็กๆ จะเรียนได้เร็ว และความสามารถในการคัดลายมือนี้จะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
(รายงานโดย Faiza Elmasry / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)
