วิกฤต "ธนาคารเงา" ที่ขยายตัวลุกลามในประเทศจีน กำลังสร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจจีนโดยรวม ท่ามกลางคำถามถึงความสามารถของรัฐบาลปักกิ่งว่าจะมีมาตรการที่เข้าช่วยเหลือได้หรือไม่ อย่างไร?
ในวันพุธ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้ขอให้บริษัทซิติกทรัสต์ (Citic Trust Co.) ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของธนาคารไชน่า คอนสตรัคชัน (China Construction Bank) ที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ ให้ช่วยประเมินสถานะของบริษัทลงทุน 'จงหรง อินเตอร์แนชั่นเนล ทรัสต์' (Zhongrong International Trust Co.) ที่กำลังประสบปัญหาการเงินอย่างรุนแรง
ครั้งล่าสุดที่บริษัทซิติกถูกขอให้ช่วยประเมินสถานะของบริษัทผู้จัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่เมื่อปี 2021 ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้มาตรการพยุงสถานะการเงินของบริษัทดังกล่าวเพื่อไม่ให้ล้มครืนลง
ทั้งนี้ บริษัทจงหรง อินเตอร์แนชั่นเนล ทรัสต์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ จงจี เอนเตอร์ไพรซ์ กรุ๊ป (Zhongzhi Enterprise Group) ถือครองสินทรัพย์ของนักลงทุนไว้เกือบ 90,000 ล้านดอลลาร์ และได้ผิดชำระหนี้ในผลิตภัณฑ์การลงทุน 22 ชนิดตั้งเเต่เดือนที่แล้ว สร้างความกังวลเรื่องความเสี่ยงว่าปัญหาอาจเเพร่กระจายไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของระบบการเงินจีน
ปัญหาในภาคการเงินการลงทุนของจีนครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งกำลังประสบอุปสรรคในการกระตุ้นและรักษาอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19
นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจีนต้องนำมาตรการทางการคลังมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รายงานวิเคราะห์ล่าสุดโดยบริษัทวิจัย โรเดียม กรุ๊ป (Rhodium Group) ในสหรัฐฯ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจีน ชี้ว่า ศักยภาพของรัฐบาลกรุงปักกิ่งในการจัดการกับวิกฤตครั้งนี้อาจถูกจำกัดมากกกว่าที่หลายคนคิดไว้
ธนาคารเงา คืออะไร?
คำว่า "ธนาคารเงา" หมายถึง สถาบันการเงินที่ให้เงินกู้สำหรับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกเหนือไปจากการใช้ช่องทางของธนาคารพาณิชย์ทั่วไปที่มีกฎเกณฑ์มากกว่า
ธนาคารเงาหลายแห่งในประเทศจีนเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่และเป็นที่รู้จักกันดี บริษัททรัสต์เหล่านี้ให้ดอกเบี้ยเงินฝากในระดับสูงกว่าธนาคารทั่วไปที่มักกดดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 1.5% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การให้ผลตอบแทนเงินฝากสูงดังกล่าวสามารถทำได้ในช่วงที่เศรษฐกิจจีนมีการเจริญเติบโตสูงในระดับเลขสองหลักดังเช่นในช่วงหลายปีก่อนการระบาดของโควิด แต่กลับกลายเป็นเรื่องยากในเวลาที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง
นอกจากนั้น ธนาคารเงายังนำเงินฝากส่วนหนึ่งไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งประสบวิกฤตเช่นกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่นเมื่อปีที่แล้ว บริษัทจงหรงนำเงินฝากจำนวนมากไปลงทุนเดิมพันในภาคอสังหาฯ ที่กำลังประสบปัญหา เพราะหวังว่าจะทำกำไรเมื่อตลาดฟื้นตัวขึ้นมา แต่กลับขาดทุนมหาศาลเมื่อตลาดบ้านของจีนยิ่งเข้าสู่ภาวะวิกฤตลงเรื่อย ๆ
คาดกันว่าราว 11% ของสินทรัพย์ที่บริษัทจงทรงบริหารจัดการถูกนำไปลงทุนในตลาดอสังริมทรัพย์ดังกล่าว
ในรายงานวิเคราะห์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประเมินความสูญเสียของภาคธุรกิจทรัสต์ในประเทศจีนอยู่ที่มูลค่าราว 38,000 ล้านดอลลาร์
ข้อจำกัดของมาตรการทางการคลัง
รัฐบาลกรุงปักกิ่งนำมาตรการหลายอย่างมาใช้ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์บางอย่างเพื่อฟื้นฟูตลาดหุ้นที่ซบเซา แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ในอดีต จีนมักใช้การลงทุนขนาดใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่รายงานวิเคราะห์ชิ้นใหม่ของบริษัทวิจัย โรเดียม กรุ๊ป ชี้ว่า ปัจจุบันศักยภาพของรัฐบาลกลางในการทำเช่นนั้นอาจลดลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เนื่องจากประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างด้านการจัดเก็บภาษีที่ค่อนข้างจำกัดมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดกันไว้
โรแกน ควินน์ และโลแกน ไรท์ นักวิเคราะห์ของโรเดียม กรุ๊ป ระบุว่า ในความเป็นจริง ศักยภาพด้านการคลังของจีนมีข้อจำกัดสูงมาก เพราะระบบการคลังของจีนถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยรายได้จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีการลงทุนเป็นหัวใจหลัก แต่การเติบโตในลักษณะนั้นสิ้นสุดลงแล้ว รายได้จากภาษีจึงลดลงตามไปด้วย รวมทั้งการถดถอยของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้รายได้ของรัฐบาลดลงเช่นกัน
รายงานชิ้นนี้เสริมว่า ยอดขาดดุลงบประมาณที่แท้จริงของจีน ซึ่งรวมถึงงบประมาณทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 6-7% ของมูลค่าจีดีพีของจีน และมีแนวโน้มที่อาจจะคงที่หรือเพิ่มขึ้น ซึ่งจะจำกัดการใช้จ่ายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลกรุงปักกิ่งลง รวมทั้งการใช้มาตรการด้านการคลังเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่ปีจากนี้ด้วย
- ที่มา: วีโอเอ