ผู้บริหารสูงสุดของ 4 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีสหรัฐฯ ยินยอมร่วมให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมาธิการตุลาการสภาผู้แทนราษฎร ในกรณีข้อกล่าวหาการดำเนินธุรกิจผูกขาด รวมทั้งปัญหาการดำเนินนโยบายต่างๆ
ในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเฟซบุ๊ก (Facebook) ทิม คุ้ก ซีอีโอของบริษัทแอปเปิล เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และ ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ปรากฏตัวต่อหน้าอนุกรรมาธิการตุลาการสภาล่างสหรัฐฯ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อให้ข้อมูลและตอบคำถามต่างๆ ที่นักสังเกตการณ์ ลูกค้า และหน่วยงานกำกับกิจการทั่วโลกเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
วิลเลียม โควาชิค อดีตสมาชิกคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Federal Trade Commission และปัจจุบันเป็นอาจารณ์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน ให้ความเห็นว่า การให้ข้อมูลตอบคำถามของผู้บริหารสูงสุดของยักษ์ใหญ่ทั้ง 4 แห่งนี้ เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทุกคนจะต้องตอบคำถามจากสมาชิกคณะอนุกรรมาธิการทั้ง 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต และใช้เวลาในช่วงปีที่ผ่านมาศึกษากรณีเกี่ยวกับข้อกล่าวหาการผูกขาดทางธุรกิจและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของทั้ง 4 บริษัทมาอย่างเต็มที่
โควาชิค บอกด้วยว่า การพบกันครั้งนี้เป็นเหมือนแบบฝึกหัดการหาความร่วมรับผิดและรับชอบครั้งสำคัญ ที่จะแสดงให้เห็นว่า งานด้านนิติบัญญัติของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบนโยบายระดับชาติ มีความสามารถทำให้ผู้บริหารที่มีอำนาจสูงและดูแลบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ แสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ควรและต้องได้มากเพียงใด
ขณะเดียวกัน เดวิด เครน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน กล่าวว่า การให้เข้ามูลและตอบคำถามของบรรดาผู้บริหารครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีทั้งหลายได้ตระหนักถึงความกังวลเกี่ยวกับอำนาจที่พวกเขามีต่อการบริหารงานที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างด้วย
อย่างไรก็ดี ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสไม่มีอำนาจที่จะดำเนินคดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ในกรณีการผูกขาดหรือทุ่มตลาด สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นภายหลังคือ การเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายและเพิ่มแรงกดดันให้เจ้าหน้าที่กำกับดูแลกิจการที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ของตนให้ดีขึ้นในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ
รายงานข่าวระบุว่า รายงานการสอบสวนและข้อมูลต่างๆ ในเรื่องนี้น่าจะได้รับการเปิดเผยออกมาก่อนฤดูร้อนจะสิ้นสุดในเร็วๆ นี้
