ปริมาณการผลิตถ่านหินของจีนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบนานกว่า 6 ปี หลังจากที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้มีการขยายการทำเหมืองถ่านหินเพื่อเพิ่มปริมาณถ่านหินในตลาดและทำให้ราคาถูกลง
จีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้ถ่านหินมากที่สุดในโลก กำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานที่เป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการบริโภคในภาคครัวเรือน ทำให้รัฐบาลจีนต้องเร่งหาวิธีเพิ่มการผลิตไฟฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไฟดับทั่วประเทศอีกในอนาคต
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ทางการจีนอนุมัติให้ขยายการขุดเหมืองที่เหมืองถ่านหินมากกว่า 150 แห่ง ขณะที่ตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนชี้ให้เห็นว่า ปริมาณการผลิตถ่านหินของจีนเพิ่มขึ้นเกินระดับ 357 ล้านตันในเดือนตุลาคม จากระดับ 334 ล้านตันในเดือนกันยายน
ปริมาณการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียไปยังจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 25% ในเดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 3.7 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ให้แก่จีน ยังคงไม่เพิ่มปริมาณการส่งออกเนื่องจากความตึงเครียดทางการทูตระหว่างสองประเทศ
จีนเริ่มจำกัดการนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลียเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลกรุงแคนเบอร์ราสนับสนุนให้มีการสืบสวนหาต้นตอของเชื้อโคโรนาไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งจีนมองว่าเป็นความพยายามโยนความผิดให้กับจีน
การเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้ถ่านหินในจีนมีขึ้นในช่วงเดียวกับที่อินเดีย ได้ปรับแก้ข้อตกลงว่าด้วยการงดใช้ถ่านหิน ในนาทีสุดท้ายของการประชุมสหประชาชาติด้านสภาพภูมิอากาศโลก หรือ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
ทั้งนี้ อินเดีย จีน กับแอฟริกาใต้ ได้ปรับเปลี่ยนข้อตกลงจาก "ค่อย ๆ เลิกใช้" เป็น "ค่อย ๆ ลดลง" โดยให้เหตุผลว่า การเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิสและถ่านหินนั้นไม่ยุติธรรมกับประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากประเทศเหล่านั้นยังมีปัญหาด้านอื่นอีกมากที่ต้องแก้ไข รวมทั้งปัญหาความยากจน