บริษัท BYD ของจีนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยในวันพฤหัสบดี โดยเป็นโรงงานแห่งแรกของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นตลาดรถไฟฟ้าซึ่งมีอัตราการเติบโตรวดเร็ว ตามรายงานของรอยเตอร์
หวัง ชวนฟู่ ซีอีโอของ BYD ระบุในระหว่างทำพิธีเปิดโรงงานแห่งนี้ว่า “ประเทศไทยมีวิสัยทัศน์ EV (รถยนต์พลังงานไฟฟ้า) ที่ชัดเจนและกำลังก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ของการผลิตรถยนต์” และว่า “เราจะนำเทคโนโลยีจากจีนมาที่ไทย”
โรงงานของ BYD นั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 1,440 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่กำลังเดินหน้าตั้งฐานการผลิตในไทย ภายใต้แผนงานอุดหนุนและนโยบายลดหย่อนภาษีจากรัฐบาลไทย
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบและส่งออกรถของภูมิภาค โดยมีผู้ผลิตจากญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า มอเตอร์ และ ฮอนด้ามอเตอร์ รวมทั้ง อีซูซุ มอเตอร์ เป็นผู้ครองตลาดมาโดยตลอด
รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลไทยมีแผนงานที่ตั้งเป้าจะเปลี่ยนถ่ายกำลังการผลิตรถยนต์ราว 30% ในประเทศให้รองรับรถ EV ภายในปี 2030
ในแต่ละปี ไทยผลิตรถยนต์ได้ราว 2.5 ล้านคัน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า BYD จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับการส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนและอีกหลายประเทศด้วย
บริษัทวิจัย Counterpoint ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยนั้นเป็นตลาดรถในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ BYD โดยครองสัดส่วนการตลาดในไตรมาสแรกของปีนี้ถึง 46% ขณะที่ บริษัทสัญชาติจีนนี้ยังเป็นแบรนด์ใหญ่อันดับที่ 3 ในหมวดรถโดยสารส่วนบุคคลด้วย
คู่แข่งอื่น ๆ ของ BYD ในตลาดไทยนั้น ได้แก่ บริษัท Great Wall Motor ของจีนซึ่งตั้งโรงงานไว้ที่ไทยเช่นกัน และเทสลา ของสหรัฐฯ
นอกจากที่ไทยแล้ว BYD ยังกำลังก่อสร้างโรงงานแห่งแรกในยุโรป ที่ฮังการี ภายใต้แผนขยายธุรกิจออกนอกจีน โดยมีแผนจะเปิดทำการใน 3 ปีและจะใช้เป็นฐานผลิตรถ EV และรถยนต์ไฮบริดสำหรับตลาดยุโรป
คณะกรรมการยุโรปเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่เกือบ 38% อยู่ แต่เมื่อ BYD ผลิตในยุโรปเพื่อจำหน่ายในภูมิภาคนี้ ภาษีก็จะลดลงมาอยู่ที่ราว 17%
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น