แม้ว่าวิถีชีวิตของผู้คนกลับมาเป็นปกติขึ้นอย่างชัดเจนหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ประชากรในเขตเมืองใหญ่มีจำนวนลดลงท่ามกลางกฎที่ยืดหยุ่นเรื่องการทำงานจากบ้านได้
บริษัทที่ปรึกษาเเมคคินซีย์ (McKinsey & Company) ออกรายงานฉบับใหม่ ที่ระบุว่าเมืองใหญ่จะอยู่รอดและไปได้ดีจากนี้ในสังคมที่ผสมผสานการมาทำงานที่ออฟฟิศและทำงานจากบ้าน ถ้าเมืองเหล่านั้นปรับตัวได้กับคำถามที่ว่า พื้นที่เเบบใดสามารถดึงดูดให้คนอยู่ในเขตเมือง
รายงานชิ้นนี้พบว่าปริมาณคนเดิน (foot traffic) ใกล้ร้านค้าในเขตเมือง ในปัจจุบันยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดระบาด ราว 10% - 20% ขณะที่การเข้าทำงานที่ออฟฟิศ ตำ่กว่าสมัยก่อนโคโรนาไวรัส ประมาณ 30% ในเมืองใหญ่ทั่วโลก
จำนวนประชากรในเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง นิวยอร์กและซานฟรานซิสโก ลดลง 5% และ 6% ตามลำดับระหว่างกลางปี 2020 ถึงกลางปี 2022
ที่กรุงวอชิงตัน จำนวนคนที่อยู่ช่วงกลางวันที่นครหลวงของสหรัฐฯแห่งนี้ ลดลง 82% จากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ถึงปีเดือนเดียวกัน 2021
และในการสำรวจความเห็นในปีนี้ คนที่ทำงานในกรุงวอชิงตัน 38% อยากทำงานจากบ้านโดยไม่ต้องการเข้าออฟฟิศ
รายงานของเเมคคินซีย์ระบุด้วยว่าคนที่ย้ายออกจากเมืองใหญ่ในช่วงโควิดระบาดไม่มีแผนที่จะกลับไม่อยู่ในมหานครที่เคยอยู่อีกครั้ง
ไรอัน รูบี ผู้บริหารรายหนึ่งของเเมคคินซีย์ที่ร่วมเขียนรายงานชิ้นนี้กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เมืองต่าง ๆ คิดถึงนโยบายที่จูงใจให้คนอยู่ในเขตเมืองมากกว่าเรื่องงานเพียงอย่างเดียว
และซาลาห์ ซาพารี ผู้อำนวยการสำนักงานด้านชีวิตกลางคืนและวัฒนธรรมภายใต้การนำของนายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน กล่าวว่าแผนระยะยาวของกรุงวอชิงตันคือเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยจากอาคารสำนักงานให้มาเป็นพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพื่อให้เกิดร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางคืน และสิ่งดึงดูดอื่น ๆ ที่ทำให้เเต่ละย่านน่าเข้ามาอยู่อาศัย
- ที่มา: วีโอเอ