ลิ้งค์เชื่อมต่อ

กัมพูชา ‘เปลี่ยนสวนยางเป็นสวนกล้วย' ป้อนความต้องการผลไม้ของจีน


កម្មករ​វេច​ខ្ចប់​ផលិតផល​ចេក​ ដើម្បី​នាំ​ចេញ​ទៅ​ប្រទេស​ចិន​ ក្នុង​A banana packaging plant in Ou Reang Ov district, Tboung Khmum province, Cambodia, on July 23, 2020. (Sun Narin/VOA Khmer) Photo: VOA Khmer
កម្មករ​វេច​ខ្ចប់​ផលិតផល​ចេក​ ដើម្បី​នាំ​ចេញ​ទៅ​ប្រទេស​ចិន​ ក្នុង​A banana packaging plant in Ou Reang Ov district, Tboung Khmum province, Cambodia, on July 23, 2020. (Sun Narin/VOA Khmer) Photo: VOA Khmer
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:08 0:00


ราคายางพาราที่ไม่น่าดึงดูดใจทำให้เจ้าของสวนยางในกัมพูชาเปลี่ยนพื้นที่เกษตรของตนเป็นแหล่งปลูกกล้วยหอม เพื่อการส่งออกไปยังจีนแทน

นักธุรกิจรายใหญ่ เฮง หลง มีพื้นที่สัมปทานเพื่อการปลูกยางพารา กว่า 6,000 ไร่ ในจังหวัดกัมปงจาม และนำที่ดินมาปลูกกล้วยหอม

เขากล่าวว่า การปลูกยางทำได้อย่างมากก็เพียงเท่าทุน ขณะที่กล้วยหอมเป็นสินค้าที่ได้กำไรมากกว่า ดังนั้นเขาจึงร่วมลงทุนในโครงการมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์เพื่อทำกิจการสวนกล้วยขนาดใหญ่

โฆษกกระทรวงเกษตรของกัมพูชา พล โสพา กล่าวว่าผู้ถือสัมปทานสามารถเปลี่ยนจากการปลูกยางเป็นพืชชนิดอื่นได้ เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดได้อย่างเหมาะสม

เเม้ว่าเจ้าของกิจการสัมปทานปลูกยางพารางจำนวนมากขึ้นเปลี่ยนมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น โฆษกฯ พล โสพา กล่าวว่าอันที่จริงการปลูกยาพาราเป็นธุรกิจที่มั่นคง

เฉิน จี้ชาง นักธุรกิจจีนอีกรายหนึ่ง กล่าวว่ากล้วยหอมเป็นสินค้าที่จีนต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพราะการผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อการบริโภคของชาวจีน

นั่นเป็นสาเหตุให้นายทุนจีนเข้ามาหาพื้นที่ปลูกกล้วยหอมในต่างประเทศและส่งออกกลับไปยังประเทศของตน

ธุรกิจกล้วยหอมที่กำลังคึกคักในเขมร น่าจะได้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนและกัมพูชาที่น่าจะมีการลงนามในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ โดยจะลดภาษีนำเข้าเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์สำหรับร้อยละ 95 ของสินค้าที่ได้รับอนุมัติ 340 รายการ ซึ่งประกอบด้วยกล้วยหอม ข้าว ยางพาราและ ยาสูบเป็นต้น

ความคืบหน้าทางการค้ากับจีนเกิดขึ้นขณะที่กัมพูชาจะเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับสหภาพยุโรป ที่ผูกโยงกับสถานการณ์สิทธิมนุษยนชนในกัมพูชาที่ย่ำแย่ลง

ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า การส่งออกเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าไปยังยุโรปที่จะได้รับผลกระทบ มีมูลค่ามากกว่ารายได้ใหม่จากการค้าขายกับจีน

เมื่อปีที่แล้วกัมพูชาและจีนซื้อขายสินค้ากันมูลค่ารวม 8,000 ล้านดอลลาร์ กัมพูชาขาดดุลเพราะมีรายได้จากการส่งออกไปจีนเพียงประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนมากมาจากการส่งออกข้าว

A Cambodian farmer ties a bundle of rice during the rice harvesting season in Trapaing Mean village on the outskirts of Phnom Penh.
A Cambodian farmer ties a bundle of rice during the rice harvesting season in Trapaing Mean village on the outskirts of Phnom Penh.

ในกัมพูชา มีโรงงานรับกล้วยหอมจากพื้นที่ปลูกรวม 50,000 ไร่มาบรรจุหีบห่อทั้งหมด 21 แห่ง

แม้ทางการกัมพูชามิได้มีข้อมูลการส่งออกกล้วยหอมรายประเทศ แต่ก็ได้ระบุว่า ในช่วงเจ็ดเดือนเเรกของปีนี้ กัมพูชาส่งออกกล้วยหอมรวม 160,000 ตันและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา นายฮอร์ นัมฮง ซึ่งขณะนี้เป็นประธานร่วมของคณะกรรมการความร่วมมือกัมพูชาและจีน กล่าวว่าจีนจะสนับสนุนการเร่งส่งออกสินค้าเกษตรของเขมร เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปจากธุรกิจท่องเที่ยวเเละเสื้อผ้า ที่น่าจะใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวในช่วงการระบาดของโควิด-19

ขณะเดียวกัน นักธุรกิจจีน เฉิน จี้ชาง ที่มีสัมปทานที่ดินเขมรนับหมื่นไร่อยู่ในมือ ต้องการเห็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากความตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนและกัมพูชา และหวังว่าสวนเกษตรของเขาจะสามารถจ้างแรงงานได้อย่างน้อย 4,000 อัตราในอนาคต

เขากล่าวว่าที่ เขาทำธุรกิจในกัมพูชาก็เพราะเล็งเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขมรกับจีน ซึ่งย้อนกลับไปสมัยที่ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงเป็นกษัตริย์​ จนมาถึงปัจจุบันที่ความเป็นมิตรยิ่งมีมากขึ้นภายใต้โครงการหนึ่งถนน - หนึ่งวงแหวน หรือ One Belt One Road ของจีน

FILE - Cambodian King Norodom Sihanouk waving to bystanders on his way to greeting Indonesian President Suharto in Phnom Penh.
FILE - Cambodian King Norodom Sihanouk waving to bystanders on his way to greeting Indonesian President Suharto in Phnom Penh.

XS
SM
MD
LG