ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันพุธนี้ ในขณะที่กำลังเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมอย่างรุนแรงในฉนวนกาซ่า ก่อนที่อิสราเอลจะส่งกำลังทหารภาคพื้นดินบุกเข้าจู่โจม
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า ปธน.ไบเดน จะเยี่ยมเยือนกรุงเทลอาวิฟเป็นแห่งแรก ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศจอร์แดนเพื่อเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์อัลดุลลาห์แห่งจอร์แดน และร่วมหารือกับประธานาธิบดีอียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิสซี และประธานาธิบดีของชาวปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส
ทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ไบเดน จะใช้โอกาสนี้หารือถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษธรรมเข้าไปยังฉนวนกาซ่า
เมื่อวันจันทร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวหลังจากพบหารือกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ว่า "ประธานาธิบดี (ไบเดน) จะรับฟังจากปากของอิสราเอลเกี่ยวกับยุทธวิธีที่จะใช้เพื่อให้มีพลเรือนเสียชีวิตน้อยที่สุด และเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษธรรมสามารถเข้าไปในกาซ่าได้โดยไม่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มฮามาส"
บลิงเคน กล่าวว่า สหรัฐฯ และอิสราเอลตกลงจัดทำแผนซึ่งจะเปิดทางให้ความช่วยเหลือจากบรรดาประเทศผู้บริจาคและองค์การต่าง ๆ สามารถเข้าถึงประชาชนในกาซ่าได้เท่านั้น และจะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด แต่ก็มีความกังวลว่ากลุ่มฮามาสอาจพยายามยึดกุมความช่วยเหลือเหล่านั้นไว้เอง หรือสกัดกั้นไม่ให้มีการแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดือดร้อน
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ฮาคาน ไฟเดน กล่าวในวันอังคารว่า ตุรกีได้เจรจากับเจ้าหน้าที่กลุ่มฮามาสเรื่องการปล่อยตัวประกันเกือบ 200 คนที่ถูกจับตัวไว้ พร้อมเผยว่ามีหลายประเทศที่ได้ขอให้ตุรกีช่วยในการนำพลเมืองของประเทศตนออกมาจากการจับกุมของฮามาส
วิกฤตมนุษยธรรมขั้นรุนแรง
เวลานี้ ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากในกาซ่าไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอาหาร เชื้อเพลิง หรือน้ำสะอาด หลังจากที่อิสราเอลปิดล้อมกาซ่าไว้ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มฮามาสโจมตีใส่อิสราเอลซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน และถูกจับไปเป็นตัวประกันเกือบ 200 คน รวมทั้งชาวต่างชาติจำนวนมาก
หลายวันที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงในฉนวนกาซ่า สังหารประชาชนไปมากกว่า 2,800 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 10,000 คน อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
ชาวเมืองกาซ่าหลายแสนคนได้อพยพลงภาคใต้ตามคำเตือนของอิสราเอล ซึ่งกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดน ตรัสในวันอังคารว่า การกดดันให้ชาวปาเลสไตน์ข้ามพรมแดนเข้าไปในจอร์เเดนหรืออียิปต์นั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง และทรงกำชับว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสลุกลามไปทั่วตะวันออกกลาง
ทางด้านสหประชาชาติประเมินว่า เวลานี้ประชาชนส่วนใหญ่ในฉนวนกาซ่าไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มได้ และคาดว่ามีชาวปาเลสไตน์ราว 1 ล้านคนที่หนีลงใต้ ในจำนวนนี้ราว 400,000 คนหลบภัยอยู่ในสถานที่ที่สหประชาชาติจัดหาไว้ให้
คณะมนตรีความมั่นคงเสียงแตก
เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ ร่างมติที่จัดทำโดยรัสเซียเพื่อให้มีการหยุดยิงในกาซ่าและเปิดทางขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษธรรม รวมทั้งปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติได้
โดยมีเพียง 5 ประเทศจากสมาชิกทั้งหมด 15 ชาติที่สนับสนุนร่างดังกล่าว และมี 4 ประเทศที่คัดค้าน อีก 6 ประเทศงดออกเสียง
สหรัฐฯ คือหนึ่งในประเทศที่คัดค้าน ซึ่งทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวว่า ร่างมติดังกล่าวมิได้มีการประณามการกระทำของกลุ่มฮามาส ซึ่งชี้ให้เห็นว่า "รัสเซียกำลังช่วยปกปิดการกระทำที่โหดร้ายของกลุ่มก่อการร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์"
- ที่มา: วีโอเอ / ข้อมูลบางส่วนจากรอยเตอร์ เอพี และเอเอฟพี