ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่กาซ่าเข้าพักพิงตามโรงพยาบาลและโรงเรียนกันอย่างหนาเเน่นในวันจันทร์ ขณะที่เขตกาซ่าถูกล้อม และปริมาณอาหารและน้ำสำหรับประชาชนในพื้นที่เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ
คาดว่า ทหารอิสราเอลจะบุกภาคพื้นดินเพื่อปราบกลุ่มฮามาสหลังจากนักรบของกลุ่มดังกล่าวจู่โจมทางใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
โรงพยาบาลในกาซ่าระบุว่าใกล้จะไม่สามารถดูเเลผู้ป่วยได้เเล้ว เพราะระบบผลิตไฟฟ้าฉุกเฉินสำหรับเครื่องช่วยหายใจและตู้ควบคุมอุณหภูมิของเด็กทารกแรกคลอด ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เหลือพลังงานไว้ใช้เพียงแค่ประมาณอีก 1 วันเท่านั้น
ส่วนชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนที่พักพิงอยู่ตามสถานที่ของสหประชาชาติมีน้ำดื่มเหลือเพียง 1 ลิตรต่อคนต่อวัน ตามรายงานของเอพี
ขณะที่อาหาร น้ำดื่มน้ำใช้ และยารักษาโรคร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ทุกสายตาจับจ้องไปที่เส้นทางข้ามเเดนจากอียิปต์ไปยังกาซ่า
ในเวลานี้ขบวนรถลำเลียงสิ่งของยังชีพกำลังรอคำสั่งอนุญาตข้ามเเดนที่เมืองราฟาห์ จากความพยายามเจรจาหยุดยิงของผู้ประสานงานเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพลเรือน
ทั้งนี้ ราฟาห์ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อเดียวกับอียิปต์ ถูกปิดลงราวหนึ่งสัปดาห์แล้วเนื่องจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ ซาเมห์ ชูครี กล่าวว่า อิสราเอลยังไม่เเสดงจุดยืนที่จะเปิดเส้นทางผ่านจากฝั่งกาซ่า
เอพีรายงานว่า รัฐบาลอิสราเอลยังไม่ติดต่อกลับหลังจากที่นักข่าวขอความเห็นในเรื่องนี้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ กล่าวว่าน่าจะมีการเปิดเส้นทางได้แต่ไม่เเน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ขณะเดียวกัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติอันโตนิโอ กูเทอเรซ เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และเขาขอร้องให้อิสราเอลเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซ่าโดยไม่มีการปิดกั้น
กองทัพอิสราเอลกล่าววันจันทร์ว่า จำนวนตัวประกันที่ถูกจับเข้าไปอยู่ในกาซ่าตั้งเเต่วันที่ 7 ตุลาคม เพิ่มขึ้นเป็น 199 คน เทียบกับ 155 คนที่ระบุก่อนหน้านี้
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิต กระทรวงสาธารณสุขกาซ่าระบุว่าชาวปาเลสไตน์จำนวน 2,750 ถูกสังหารตั้งเเต่การปะทุขึ้นของความรุนเเรงล่าสุด ยอดดังกล่าวมากกว่าการต่อสู้เมื่อ 9 ปีก่อนในสงครามกาซ่าที่กินเวลา 6 สัปดาห์
อิสราเอลเปิดเผยว่า ฝ่ายตนมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 คน โดยส่วนมากเป็นพลเรือนที่ถูกสังหารในการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
ในสงครามกาซ่าทั้งหมด 5 ครั้ง ไม่มีครั้งใดที่มีคนเสียชีวิตทั้งสองฝ่ายมากเท่าครั้งนี้
- ที่มา: ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี, เอเอฟพี และรอยเตอร์