ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวถึงความสำเร็จของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลของตนนำมาใช้ พร้อมโจมตีนโยบายเศรษฐกิจของพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอเมริกันในขณะที่โอกาสที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องปิดทำการกำลังใกล้เข้ามา
ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ครอบครองโดยพรรครีพับลิกัน และวุฒิสภาที่ครอบครองโดยพรรคเดโมแครต กำลังพยายามหาทางผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่เพื่อให้ประธานาธิบดีไบเดนลงนาม ให้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 30 กันยายน ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่มีงบประมาณใช้จ่ายและอาจทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐต้องปิดทำการชั่วคราว
หากการปิดทำการดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจะถือเป็นครั้งที่สี่ในรอบสิบปี
สมาชิกรีพับลิกันในสภาล่างต้องการให้ลดงบประมาณสำหรับปี 2024 ลงเหลือ 1.47 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่ประธานาธิบดีไบเดนและประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เควิน แมคคาร์ธีย์ ตกลงกันไว้เมื่อเดือนพฤษภาคมราว 120,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทางทำเนียบขาวและผู้นำในวุฒิสภาต่างปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้ของพรรครีพับลิกัน
ปธน.ไบเดน กล่าวที่วิทยาลัยชุมชน พรินซ์ จอร์จ ในรัฐแมรีแลนด์ ในวันพฤหัสบดีว่า "พวกเขากลับมาอีกแล้ว ไม่ยอมทำตามสัญญา ขู่ให้ตัดงบประมาณ และขู่ว่าจะยอมให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดทำการอีกครั้ง"
"ตลอดระยะเวลาที่พวกเขาใช้ในการโจมตีผมและแผนของผม... พวกเขาไม่เคยเอ่ยถึงสิ่งที่พวกเขาอยากทำ" ไบเดนกล่าว และเสริมว่า "แผนมากานอมิกส์ของพวกเขานั้นมีความสุดโต่งมากกว่าสิ่งที่คนอเมริกันเคยประสบมา"
ทั้งนี้ มากานอมิกส์ (MAGAnomics) ที่ไบเดนกล่าวถึงนั้น ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย มิค มัลวอนีย์ ที่ปรึกษาด้านงบประมาณของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวถึงยุทธศาสตร์ MAGA (Make America Great Again) ซึ่งรวมถึงการลดภาษีสำหรับภาคธุรกิจและลดกฎเกณฑ์ควบคุมต่าง ๆ
ในทางกลับกัน ไบเดนได้เผยยุทธศาสตร์ ไบเดนนอมิกส์ (Bidenomics) ที่ระบุถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ พลังงานสะอาด และภาคการผลิต ควบคู่ไปกับการผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ เพิ่มการปันส่วนผลกำไรให้แก่ลูกจ้าง ผู้บริโภคและภาครัฐ
เมื่อไตรมาสที่แล้ว เศรษฐกิจอเมริกันขยายตัวที่ระดับ 2.1% และอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 3.8% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจที่ดูดีขึ้นนี้กลับไม่สะท้อนออกมาในรูปของความพอใจของประชาชนอเมริกันมากนัก สืบเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่ 3.7% ซึ่งสูงกว่าระดับ 2% ที่ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดหวังไว้
ขณะที่อัตราการยอมรับการทำงานของประธานาธิบดีไบเดนในหมู่ประชาชนอยู่ที่ระดับ 42% โดยส่วนใหญ่ระบุว่าประเด็นเรื่องเศรษฐกิจเป็นประเด้นสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า
- ที่มา: รอยเตอร์