ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ จะมอบความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครนเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ รัฐบาลกรุงวอชิงตันพร้อมปรับเปลี่ยนการทำงานด้านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรับผู้อพยพลี้ภัยชาวยูเครนเพิ่มด้วย
ปธน.ไบเดน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวการเพิ่มความช่วยเหลือแก่ยูเครนที่ทำเนียบขาวว่า “งบประมาณนี้รวมความถึง อาวุธปืนใหญ่พลังโจมตีสูง ปืนใหญ่ ‘เฮาวิทเซอร์’' พร้อมกระสุนจำนวน 144,000 นัด ด้วย”
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า “ปูตินเชื่อมั่นว่าเรา (พันธมิตร) จะเลิกสน ... ความสามัคคีของชาติตะวันตกจะร้าวฉาน ... และนี่เป็นอีกครั้งที่เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคิดผิด”
แม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ เพิ่งประกาศมอบความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าใกล้เคียงกันนี้ให้กับยูเครน รายงานข่าวชี้ว่า การเพิ่มความช่วยเหลือในสัปดาห์นี้น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยยูเครนต่อต้านการรุกรานของรัสเซียในแคว้นดอนบาสได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกรุงวอชิงตันประกาศในวันพฤหัสบดีด้วยว่า สหรัฐฯ จะเปิดประตูต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเพิ่มขึ้นภายใต้แผนงานใหม่ที่เพิ่งได้ข้อสรุปมา
ที่ผ่านมา ชาวยูเครนที่ลี้ภัยสงครามในประเทศบ้านเกิดมาสหรัฐฯ นั้น มักเลือกที่จะเดินทางผ่านทางพรมแดนที่ติดกับเม็กซิโก โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีชาวยูเครนราว 3,000 คนที่เลือกเดินทางเข้าสหรัฐฯ ผ่านพรมแดนทางใต้ของประเทศเฉพาะในเดือนมีนาคม
รายงานข่าวระบุว่า แผนงานใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะทำให้เส้นทางดังกล่าวมีความยุ่งยากมากสำหรับผู้ลี้ภัย แต่กระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและอนุมัติคำขอลี้ภัยนั้นจะมีความคล่องตัวมากขึ้น
ภายใต้แผนงานใหม่ที่ชื่อ Uniting for Ukraine ที่จะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ชาวยูเครนที่จะยื่นเรื่องของลี้ภัยในสหรัฐฯ ต้องแสดงหลักฐานว่า ตนใช้ชีวิตอยู่ในยูเครนจนถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์เป็นอย่างน้อย มีสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายเป็นสปอนเซอร์ให้ ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว และผ่านกระบวนการตรวจสอบภูมิหลังโดยไม่มีปัญหาด้วย
ผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านขั้นตอนข้างต้น จะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในสหรัฐฯ เป็นเวลาสูงสุดถึง 2 ปี แต่จะไม่ได้สิทธิ์ยื่นเรื่องขอสัญชาติอเมริกัน หากข้อลี้ภัยผ่านโครงการนี้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เตรียมที่จะรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนจำนวน 100,000 คน โดยล่าสุด มีผู้ที่ได้รับอนุญาตเข้ามาลี้ภัยแล้วราว 1,500 คน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่า ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนส่วนใหญ่ต้องการจะเลือกอยู่ใกล้ประเทศบ้านเกิดของตนมากกว่า เพราะหวังที่จะมีโอกาสได้กลับไปยังยูเครนในอนาคต
ปัจจุบัน มีการประเมินว่า ชาวยูเครนราว 5 ล้านคนได้เดินทางลี้ภัยออกจากประเทศของตนนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
-
ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพีและรอยเตอร์
