ผู้เชี่ยวชาญแห่งองค์การอาหารเเละการเกษตรแห่งสหประชาชาติชี้ว่า ภาคเกษตรกรรมของเอเชียกำลังประสบกับความท้าทายหลายอย่างนอกเหนือไปจากการผลิตอาหาร
คุณ Kundhavi Kadiresan รองผู้อำนวยการและผู้แทนระดับภูมิภาคเอเชียเเละเเปซิฟิกแห่งองค์การอาหารเเละการเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ FAO กล่าวว่า มีคนในเอเชียเกือบครึ่งล้านคนที่ขาดอาหาร ตามเป้าหมายการพัฒนาที่เรียกว่า the Millennium Development Goals ของสหประชาชาติ
จำนวนผู้ขาดสารอาหารในโลกกำลังพัฒนาลดลงไปเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ จากตัวเลขในปี ค.ศ. 1990 จนถึงปีค.ศ. 2015 แต่คุณ Kadiresan กล่าวว่า ปัญหาทางโภชนาการและความอดอยากยังคงเป็นปัญหาใหญ่อยู่
เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งเอฟเอโอชี้ว่า เเม้จะมีความคืบหน้าอย่างมากตามเป้าหมายของการพัฒนายุคมิลเลเนี่ยมของสหประชาชาติ ยังคงมีคนเกือบ 490 ล้านคนทั่วโลกในภูมิภาคเอเชียเเปซิฟิกที่ยังได้รับอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
Kadiresan อดีตนักเศรษฐศาสตร์เเห่งธนาคารโลกกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุหลายอย่างรวมกัน ไม่ได้เป็นเพียงเเค่ปัญหาความอดอยากเท่านั้น แต่มีสาเหตุมาจากร่างกายขาดวิตามินและเกลือแร่ร่วมด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมองหาทางแก้ที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดในการปรับปรุงคุณภาพของโภชนาการของคนในภูมิภาค
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ามีวิธีแก้ปํญหาหลายวิธี ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความหลากหลายเเก่ประเภทพืชอาหารที่ปลูก เพื่อเพิ่มทางเลือกของอาหารที่มีคุณค่า และควรมีการส่งเสริมด้านความตื่นตัวและความรู้ทางโภชนาการที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป
ผู้เชี่ยวชาญเอฟเอโอยังกล่าวอีกด้วยว่า ปัญหาโภชนาการที่ด้อยนอกจากจะพบในกลุ่มคนยากจนแล้ว ยังพบในกลุ่มคนชั้นกลางที่มีนิสัยการบริโภคที่ไม่ดี นำไปสู่ปัญหาโรคอ้วนตามมา ดังนั้นการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารให้ครบหมู่ที่มีความสมดุลทางโภชนาการจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
รายงานเกี่ยวกับโภชนาการของคนทั่วโลกประจำปี ค.ศ. 2016 (The 2016 Global Nutrition Report) พบว่า หนึ่งในสามของคนเอเชียเป็นคนขาดสารอาหาร และยังมีคนเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น รายงานชิ้นนี้เตือนว่าการขาดสารอาหารและอาหารที่รับประทานถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่การเกิดโรคและภาระทางการรักษาพยาบาล
รายงานชิ้นนี้ชี้ว่า 44 เปอร์เซ็นต์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาการขาดสารอาหารและโรคอ้วนในระดับรุนแรงมากหลายระดับ แต่ในเอเชีย จำนวนประชากรที่ขาดสารอาหารได้ลดลงมาเป็น 14 เปอร์เซ็นต์จากปีค.ศ. 2015 จาก 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี ค.ศ. 1991
ในกลุ่มประชากรเด็ก ยังมีปัญหาใหญ่ๆ หลายอย่าง รวมทั้ง ภาวะเเคระเเกร็นและโรคอ้วน โดย 25 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ หรือราว 91 ล้านคนเป็นเด็กเเคระเเกร็นและประมาณว่ามีเด็กเป็นโรคอ้วนราว 19 ล้านห้าเเสนคน
คุณ Kadiresan ชี้ว่านอกเหนือไปจากโภชนาการพื้นฐานและการผลิตอาหารในระดับปกติเเล้ว ภาคเกษตรกรรมของเอเชียยังประสบปัญหาต่างๆ ที่สืบเนื่องมากจากภาวะโลกร้อน ความปลอดภัยของอาหาร ทรัพยากรปลาในทะเลลดลง และการอพยพย้ายถิ่นเข้าไปอยู่ในเขตเมือง ซึ่งทำให้เหลือเฉพาะประชากรสูงวัยเท่านั้นที่เป็นเเรงงานในภาคเกษตรกรรม
เธอกล่าวว่า ภาวะโลกร้อนจะทำให้ระดับอุณหภูมิในภูมิภาคนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายเเรงต่อปริมาณผลผลิตของพืชอาหารหลักชนิดต่างๆ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความหลากหลายให้แก่พืชอาหารโดยเพิ่มความทนทานต่ออุณหภูมิที่ร้อนขึ้นและใช้น้ำน้อยลง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งองค์การอาหารและการเกษตรในเอเชียเเปซิฟิก ยังกล่าวด้วยว่า จำเป็นต้องเพิ่มการสนับสนุนแก่ผู้หญิงในเขตชนบท เพราะมีผู้หญิงเกือบ 43 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกที่ทำงานในภาคเกษตรกรรม แต่มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีที่ดินทำกิน
คุณ Kadiresan ชี้ว่า การปรับปรุงภาคเกษตรกรรมของเอเชียให้เพิ่มความสามารถทางการผลิตและทางการเเข่งขันให้สูงขึ้น จะเป็นกุญแจสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งในการเเก้ปัญหาเหล่านี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)
