ในปี พ.ศ. 2559 จีนเดินหน้าเรื่องสิ่งปลูกสร้างทางทหารบนหมู่เกาะ Spratly ซึ่งรวมถึงทางวิ่งเครื่องบินบนแนวเกาะ Fiery Cross, Subi และ Mischief Reefs รวมทั้งได้ปรับปรุงท่าเรือและสร้างสถานีเรดาห์ด้วย
โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้คัดค้านเรื่องนี้อย่างแข็งขัน
แต่นักวิเคราะห์บางคน เช่นอาจารย์ Carl Thayer ที่มหาวิทยาลัย University of New South Wales มองว่า
"รัฐบาลชุดประธานาธิบดีทรัมป์กำลังให้ความสนใจกับปัญหาเกาหลีเหนือมากกว่าเรื่องทะเลจีนใต้"
ส่วนนักวิเคราะห์อีกคน คือนาย James Chin จากสถาบัน Asia Institute ที่มหาวิทยาลัย University of Tasmania ก็มองว่า
"ความไม่แน่นอนในนโยบายของสหรัฐฯ ชุดปัจจุบัน ในเรื่องทะเลจีนใต้และที่เกี่ยวกับเอเซียโดยรวม ได้สร้างความผิดหวังให้กับประเทศสมาชิกของอาเซียน"
และยิ่งสหรัฐฯ ละความสนใจจากปัญหาทะเลจีนใต้มากเท่าใด ก็จะยิ่งเป็นโอกาสให้จีนมีเวลาสร้างฐานทัพในทะเลจีนใต้มากขึ้นเท่านั้น
ทางขึ้นลงเครื่องบินของจีนที่ Scarborough Shoal กับที่เกาะ Woody Island ในหมู่เกาะ Paracels กับในหมู่เกาะ Spratly จะโยงเข้าเป็นรูปสามเหลี่ยม และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
กล่าวคือ ทำให้จีนสามารถติดตามการเดินทางของเรือและเครื่องบินทั้งหมดในทะเลจีนใต้ได้
อย่างไรก็ตาม นาย James Chin จาก Asia Institute ที่มหาวิทยาลัย University of Tasmania ก็เชื่อว่า จีนซึ่งเป็นประเทศที่มุ่งเน้นเรื่องการค้า จะยังคงส่งเสริมเสรีภาพของการเดินเรือในทะเลจีนใต้ต่อไป เพราะเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับจีนเอง