ท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ กำลังสร้างความกังวลต่อประชาคมโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ถ้อยคำที่รัดกุมและประณามเกาหลีเหนืออย่างระมัดระวัง เมื่อเทียบกับการตำหนิเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงโดยนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งได้สร้างคำถามและความกังวลใจขึ้น
รวมทั้งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยว่าผู้นำสหรัฐฯ มีแผนที่จะระงับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างไร?
นักวิเคราะห์กล่าวว่าเกาหลีเหนือจงใจทดลองขีปนาวุธ เพื่อจะทดสอบและส่งสัญญาณถึงประธานาธิบดีทรัมป์ และว่าทางเลือกของสหรัฐฯ ในการตอบโต้เกาหลีเหนือ มีอยู่อย่างจำกัด
กล่าวคือไม่มีทางเลือกที่แตกต่างจากของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนๆ และการใช้กำลังทหารเข้าโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ ก็คงสำเร็จได้ยาก เพราะเกาหลีเหนือยิงจรวดจากฐานส่งเคลื่อนที่
และการใช้กำลังทหารอาจทำให้เกิดการตอบโต้และขยายตัวเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้
นอกจากนั้น การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ระบุชื่อเกาหลีใต้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือระหว่างสามประเทศ คือสหรัฐฯ ญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ เพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือนั้น ก็ตรงกันข้ามกับยุทธศาสตร์ด้านเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามา อีกด้วย
ยิ่งกว่านั้นแล้ว ความร่วมมือจากจีนซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรและคู่ค้าสำคัญของเกาหลีเหนือ ก็เป็นเรื่องที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับจีนด้วยการกล่าวโจมตีตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเรื่องการค้าและค่าเงินหยวน
รวมทั้งเรื่องการเปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับนโยบายจีนเดียว ถึงแม้ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะได้เปลี่ยนเสียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ระหว่างการโทรศัพท์สนทนากับประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม