เป็นเวลาเกือบสองทศวรรษแล้วที่รัฐบาลจีนได้ขยายอิทธิพลทางวัฒนธรรม หรือ soft culture ผ่าน “สถาบันขงจื๊อ” ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถาบันดังกล่าวในมหาวิทยาลัย ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่น ๆ ได้ปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นแต่ในแอฟริกาที่มีการเปิดสถาบันขงจื๊อเพิ่มมากขึ้น
สถาบันขงจื๊อแห่งใหม่ล่าสุดในเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในสถาบันขงจื๊อประมาณ 60 แห่งที่ตั้งในทวีปแอฟริกา โดยสถาบันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และนักเรียนจะได้เรียนภาษาจีน วัฒนธรรม รวมถึงชั้นเรียนต่าง ๆ อย่างเช่น ศิลปะการป้องกันตัว “ไทเก็ก” และการแพทย์แผนจีน อีกทั้งนักเรียนยังมีโอกาสที่จะเดินทางไปยังประเทศจีนด้วย
เจเดน บิทเทอร์บอส นักศึกษาวัย 20 ปี ที่เรียนภาษาจีนมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้เดินทางไปต่างประเทศมาก
บิทเทอร์บอส กล่าวว่า ถ้าเขามีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศจีนจริงๆ เขาจะไม่ลังเลที่จะเดินทางไปทันที
สถาบันขงจื๊อที่ตั้งในมหาวิทยาลัยแห่งเวสเทิร์นเคป ถือเป็นลำดับที่ 6 ที่เปิดดำเนินการในประเทศแอฟริกาใต้ และเป็นหนึ่งในจำนวนมากกว่า 500 แห่งทั่วโลก
และในช่วงที่สถาบันขงจื๊อเพิ่มขึ้นในแอฟริกา แต่ตัวเลขดังกล่าวกลับลดลงในสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ โดยทางการสหรัฐฯ และนักวิชาการบางส่วนมองว่า สถาบันเหล่านี้ขัดขวางสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น โดยในบางแห่งนั้น ผู้สอนบางคนเลือกที่จะไม่พูดถึงหรือเซ็นเซอร์ตัวเองในการวิพากษ์วิจารณ์ประเทศจีนด้วย
โคบัส แวน สตาเดน ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์จากองค์กรอิสระ China Global South Project (CGSP) ในประเทศแอฟริกาใต้ อธิบายให้ วีโอเอ ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ว่านี้
แวน สตาเดน ยกตัวอย่างให้ฟังว่า ถ้ามหาวิทยาลัยเชิญตัวแทนชาวทิเบตให้เดินทางมาร่วมโครงการ พวกเขาอาจจะได้รับการปฏิเสธจากสถานทูตจีน และอาจจะถูกสถาบันขงจื๊อคัดค้านด้วย
สถาบันขงจื๊อที่ตั้งในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ จำนวนมากกว่า 100 แห่งถูกปิดตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับในสวีเดนและฟินแลนด์ ขณะที่ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้สัญญาว่าจะปิดสถาบันขงจื๊อหลายสิบแห่งในสหราชอาณาจักรเช่นกัน
รัฐบาลตะวันตกมองว่า สถาบันขงจื๊อ เป็นเครื่องมือในการสร้างโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ด้านอุดมการณ์ของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง รวมถึงมุมมองการทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย
แวน สตาเดน จาก CGSP กล่าวว่า ภายใต้ภาวการณ์ปัจจุบันที่มีปธน.สีเป็นผู้นำ จีนดำเนินนโยบายการเมืองกับประเทศอื่น ๆ ในทิศทางสะท้อนภาพความคิดของผู้นำคนนี้ และประเด็นสารที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งกำหนดขึ้น ซึ่งทำให้บางคนมองว่า นี่คือมาตรการโฆษณาชวนเชื่อที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายซ่อนอยู่
ทางด้าน ลี่เหริน เจง ผู้อำนวยการร่วมสถาบันขงจื๊อแห่งใหม่ในเมืองเคปทาวน์ ออกมาโต้ประเด็นนี้ด้วยการแสดงจุดยืนอันชัดเจน
เจง กล่าวว่า สิ่งที่ตนจะพูดคือ มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งหรืออาจจะกล่าวได้ว่าทุกแห่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ดังนั้นหากฝ่ายใดไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน นั่นหมายความว่า ก็จะไม่สามารถดำเนินแผนงานความร่วมมือใด ๆ กับมหาวิทยาลัยในประเทศจีนได้โดยปริยาย
อย่างไรก็ดี เจง กล่าวเสริมว่า หลักสูตรของสถาบันขงจื๊อนั้นถูกพิจารณาและกลั่นกรองอย่างเข้มข้นโดยทีมอาจารย์ในพื้นที่ของแอฟริกาใต้อยู่แล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศจีนเข้ามามีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อในแอฟริกาใต้ โดยจีนนั้นเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ
ทั้งนี้ อุเมช บาวา ผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยแห่งเวสเทิร์น ยืนยันว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ใช้ความระมัดระวังอย่างดีในการดำเนินแผนงานความร่วมมือนี้
บาวา บอกกับ วีโอเอ ว่า มหาวิทยาลัยมีความชัดเจนว่าจะดำเนินความร่วมมือในด้านใดบ้าง และมีความรอบคอบในทุกด้าน โดยมหาวิทยาบัยจะไม่ร่วมมือกับใครก็ตามที่ไม่มีค่านิยมร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแห่งเวสเทิร์น ยอมรับว่า มีคำเตือนจากพันธมิตรชาติตะวันตกบางรายที่ชี้ว่า สถาบันขงจื๊ออาจจะเป็น "ม้าโทรจัน" ที่แทรกตัวเข้ามาเพื่อบ่อนทำลายแอฟริกา แต่โดยส่วนตัวแล้ว เขากลับไม่รู้สึกกังวลใด ๆ นัก
- ที่มา: วีโอเอ