หนึ่งปีหลังการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ประกาศวันศุกร์ว่า กระทรวงกลาโหมอเมริกัน จะให้ความช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมความสามารถต่อต้านกองทัพรัสเซีย
ความช่วยเหลือรอบใหม่นี้ประกอบด้วย กระสุนสำหรับระบบยิงขีปนาวุธ HIMARS กระสุนปืนใหญ่ 155 ม.ม. ระบบจรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์ เงินสำหรับการฝึกอบรม และความช่วยเหลือเพื่อการบำรุงรักษายุทโธปกรณ์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่า "ผู้นำเผด็จการที่ต้องการสร้างจักรวรรดิขึ้นมาใหม่จะไม่มีวันที่จะสามารถลบล้างความรักของประชาชนที่มีต่อเสรีภาพ"
"ความโหดร้ายป่าเถื่อนจะไม่มีวันบดทำลายเจตจำนงของเสรีชน" ไบเดนกล่าว
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแอนโทนี บลิงเคน ยืนยันความตั้งใจของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนระบบพื้นฐานของยูเครน บลิงเคนกล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ร่วมทำงานกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ U.S. Agency for International Development (USAID) ในการเสนอความช่วยเหลือ 10,000 ล้านดอลลาร์
ภายใต้งบประมาณดังกล่าว ยูครนจะได้รับความช่วยเหลือด้านพลังงาน และด้านมนุษยธรรม
“เงินดังกล่าวสำคัญอย่างยิ่งต่อยูเครน ในยามที่ต้องปกป้องตนเองจากรัสเซีย และเพื่อทำให้เเน่ใจว่ารัฐบาลยูเครนสามารถรับมือกับสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชน ซึ่งรวมถึงด้านสุขภาพ การศึกษา และบริการฉุกเฉิน” แอนโทนี บลิงเคนกล่าว
และในวันครบรอบ 1 ปี สงครามยูเครน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษในวันศุกร์ต่อ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย กว่า 60 คน ซึ่งรวมถึงสมาชิกคณะรัฐมนตรี ผู้นำระดับภูมิภาค และกิจการสามแห่งที่รับผิดชอบโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย
นอกจากนั้นแล้ว สหรัฐฯ ยังได้ประกาศมาตรการลงโทษที่กว้างขวางระดับนานาชาติ ต่อบริษัทที่ช่วยรัฐบาลมอสโก หลีกเลี่ยงผลกระทบจากการควบคุมสินค้าส่งออกและข้อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่ากำลังใช้มาตรการลงโทษต่อกิจการเหมืองเเร่และโลหะของรัสเซีย รวมถึงกิจการอื่น ๆ ด้วย โดยเป็นการขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กับประเทศสมาชิกกลุ่มจี7
มาตรการที่กว้างขวางในครั้งนี้ เช่น การปิดกั้นทางการเงิน อาจส่งผลกระทบต่อบุคคลและบริษัทจำนวนมากถึง 250 ราย ในวงการธนาคาร การค้าอาวุธ และธุรกิจเทคโนโลยี
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เเจเน็ต เยลเลน กล่าวว่า "มาตรการลงโทษของเรามีผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่เห็นได้ชัดจากความยากลำบากของรัสเซียในการเสริมอาวุธให้เพิ่มขึ้นมาใหม่ และจากเศรษฐกิจรัสเซียที่ถูกโดดเดี่ยว"
- ที่มา: ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพี รอยเตอร์