วันศุกร์นี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์ จีนและรัสเซียได้ประกาศ “มิตรภาพไร้ขีดจำกัด” ท่ามกลางความกังวลของชาติตะวันตก
รอยเตอร์รวบรวมท่าทีของจีนต่อรัสเซียในประเด็นสงครามยูเครนช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
จีนสนับสนุนรัสเซียอย่างไร?
จีนได้ปกป้องรัสเซียทางการทูต ทั้งหลีกเลี่ยงประณามการกระทำของรัสเซีย หรือไม่ระบุว่ารัสเซีย “รุกราน” ยูเครน เช่นเดียวกับที่รัสเซียเรียกการกระทำของตนว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” เพื่อปกป้องความมั่นคงของรัสเซีย
แม้จีนจะเรียกร้องสันติภาพหลายครั้ง แต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็อยู่เคียงข้างกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการต่อต้านแรงกดดันจากชาติตะวันตกเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย
นอกจากนี้ จีนยังยกระดับการค้ากับรัสเซียและยินดีนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ขณะที่เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบจากมาตรการลงโทษโดยประเทศต่าง ๆ
จีนเสียอะไรไปบ้างจากการสนับสนุนรัสเซีย?
นักวิเคราะห์เห็นว่า การสนับสนุนรัสเซียของจีนได้สร้างความเสียหายต่อมิตรภาพระหว่างจีนกับชาติตะวันตกอย่างมาก และส่งผลต่อความพยายามของจีนในการสร้างความไม่ลงรอยระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
บรรดาเจ้าหน้าที่การทูตกล่าวว่า ท่าทีของรัสเซียในระยะแรกเหมือนจะทำให้จีนระวังตัวขึ้น โดย ปธน. ปูตินไม่ได้เตือน ปธน. สีถึงแผนการรุกรานยูเครน เมื่อครั้งที่ผู้นำรัสเซียเยือนกรุงปักกิ่งขณะที่จีนเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้ว
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังทำให้จีนตกในที่นั่งกระอักกระอ่วน เนื่องจากการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพทางชายแดนของทุกประเทศเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของนโยบายต่างประเทศจีน
จีนได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
นักวิเคราะห์มองว่า สงครามครั้งนี้ทำให้รัสเซียพึ่งพาจีนมากขึ้น ทำให้รัสเซียเป็นมิตรกับจีนในลักษณะถือแต้มรอง และทำให้จีนมีบทบาทนำมากขึ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มที่นำโดยสหรัฐฯ
บริษัทข้อมูลด้านการตลาด Refinitiv เผยว่า จีนได้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียด้วยราคาที่ต่ำกว่าเกณฑ์ระดับโลก โดยราคาน้ำมันดิบที่จีนนำเข้าจากรัสเซียในแต่ละวันนั้นเพิ่มขึ้นราว 45% เมื่อเปรียบเทียบระหว่างช่วงหลังการรุกรานยูเครนใหม่ ๆ จนถึงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
จีนยังกังวลถึงการขยายกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งการที่จีนคัดค้านการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ไปยังดินแดน “หลังบ้าน” ในยุโรปของรัสเซีย จะเป็นการปูทางให้จีนแสดงท่าทีคัดค้านกิจกรรมของสหรัฐฯ ในประเทศเพื่อนบ้านของจีนเช่นกัน
“มิตรภาพแบบไร้ขีดจำกัด” ระหว่างจีน-รัสเซีย เป็นเรื่องจริงหรือไม่?
จีนพยายามเลี่ยงการสนับสนุนรัสเซียด้วยวิธีที่อาจทำให้ตนเผชิญมาตรการลงโทษ เช่น การมอบอาวุธให้รัสเซีย โดยจีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อท่าทีของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เตือนไม่ให้จีนส่งอาวุธให้รัสเซีย
จีนยังต้องการไว้ท่าทีรักษาระยะห่างกับรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกเสียหายหนัก และใช้อิทธิพลของตนกับรัสเซียเพื่อเตือนไม่ให้ผู้นำรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์
จุดยืนของจีนต่อสงครามเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่?
จีนแสดงบทบาทสาธารณะในเชิงรุกมากขึ้น หลังให้ความสำคัญกับการเจรจาเพื่อสันติภาพและเลือกที่จะไม่ลงมือกระทำการโดยตรงอยู่นานหลายเดือน
ทั้งนี้ คาดว่าผู้นำจีนจะกล่าว “แถลงการณ์สันติภาพ” ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่รัสเซียรุกรานยูเครน และจีนจะออกเอกสารแสดงจุดยืนต่อเหตุความขัดแย้งในยูเครน
ยุน ซุน นักวิจัยของศูนย์ Stimson Center ในกรุงวอชิงตัน มองว่า จีนอาจเห็นโอกาสการเปิดโต๊ะเจรจามากขึ้นเนื่องจากรัสเซียไม่ประสบความสำเร็จในสนามรบ
ในสัปดาห์นี้ หวัง อี้ นักการทูตระดับสูงสุดของจีน ได้หารือกับ รมว. ต่างประเทศสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ของชาติตะวันตกอื่น ๆ ที่ยุโรป ก่อนที่จะเดินทางเยือนกรุงมอสโกของรัสเซีย ซึ่งเป็นการดำเนินทางการทูตแบบ “shuttle diplomacy” หรือการทูตเดินสาย ที่ยุน ซุน เห็นว่า สะท้อนถึงความคาดหวังของจีนต่อการเปิดโอกาสเจรจา
สงครามยูเครนกระทบทิศทางของจีนต่อไต้หวันหรือไม่?
จีนปฏิเสธมาโดยตลอดว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตั้งใจ “รวมชาติ” ของจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เช่น ท่าทีของ ฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่เตือนให้ “บางประเทศ” หยุดปั่นกระแส “ยูเครนวันนี้ ไต้หวันวันหน้า” ซึ่งเป็นการพาดพิงถึงสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกล่าวว่า จีนกำลังจับตาดูท่าทีของรัสเซีย ทั้งการเพลี่ยงพล้ำทางการทหารในยูเครนและการตอบโต้ประเทศต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับกรณีไต้หวัน หากมีความจำเป็นที่จีนต้องใช้กำลังทางทหาร
ยุน ซุน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายของสงครามครั้งนี้ทำให้จีนเห็นว่า การรุกรานไต้หวันอาจไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก แต่โอกาสที่จีนจะมีท่าทีเชิงรุกต่อไต้หวันหากไต้หวันประกาศเอกราชนั้นก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่อาจมีโอกาสน้อยลง
- ที่มา: รอยเตอร์