สื่อต่างประเทศให้ความสนใจข่าวทนายสิทธิมนุษยชน อานนท์ นำภา ถูกตัดสินเมื่อวันอังคารว่ามีความผิด จากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและโดนสั่งจำคุกเป็นเวลาสี่ปี
คำตัดสินดังกล่าว ทำให้นายอานนท์ เป็นจำเลยรายที่สาม ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ขึ้นสู่อำนาจเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อ้างอิงตามการรายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
เอพีรายงานว่า ศาลเห็นว่านายอานนท์สร้างความเสื่อมเสียต่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ 'อภิวัฒน์สยาม' 2475
นายอานนท์ยังถูกปรับเป็นเงิน 20,000 บาทจากการละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งห้ามประชาชนรวมตัวกันในที่สาธารณะช่วงการระบาดของโควิด-19
ศาลระบุว่าทนายวัย 39 ปีผู้นี้กล่าวถ้อยความเท็จที่โยงพระมหากษัตริย์กับการสลายการชุมนุม ศาลกล่าวว่า หากเกิดการสลายการชุมนุมจริง ผู้ที่ตัดสินใจเรื่องนี้จะเป็นตำรวจ ดังนั้นจึงเห็นว่านายอานนท์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามรายงานของเอพี
จากนี้เขายื่นอุทธรณ์และขอยื่นประกันเพื่อให้ถูกปล่อยตัว ตามข้อมูลของเอพี ที่อ้างทนายของผู้ต้องหา
รอยเตอร์รายงานว่ามีคนหลายร้อยคนถูกตั้งข้อหาว่าละเมิดกฎหมายอาญา ม.112 ของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดากฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีบทลงโทษรุนเเรงที่สุดในโลก ผู้กระทำผิดอาจถูกตัดสินจำคุกหลายสิบปี และปัจจุบัน มีสตรีวัย 64 ปีคนหนึ่งที่ถูกศาลสั่งจำคุก 43 ปีอยู่
รอยเตอร์ระบุว่า ตามปกติสำนักพระราชวังจะไม่แสดงความเห็นเรื่อง ม.112
ในรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ข้อมูลระบุว่าพรรคการเมืองใหม่อย่างก้าวไกล ซึ่งได้ที่นั่งในสภามากที่สุดจากการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นพรรคหลักของไทยพรรคเดียวที่เรียกร้องให้มีการพูดคุยเรื่องการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
สื่อแห่งนี้ระบุว่า เเคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกสกัดไม่ให้เป็นผู้นำประเทศโดยพรรคที่หนุนสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งวุฒิสภาที่มีอำนาจมากและไม่ต้องการแก้ไขม.112 ที่ปกป้องสถาบันกษัตริย์จากการถูกวิจารณ์
- ที่มา: ข้อมูลบางส่วนมาจากรอยเตอร์ บลูมเบิร์กและเอพี
กระดานความเห็น