ข้อตกลงหยุดยิงฉบับใหม่ได้ทำให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มาถึงจุดที่ต้องเลือก ซึ่งแต่ละเส้นทางนั้นจะเป็นการปูฐานอำนาจในฐานะผู้นำอิสราเอลที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดและผู้นำที่สร้างความแตกแยกอย่างรุนแรงที่สุด
ข้อเสนอหยุดยิงฉบับใหม่ ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เปิดโอกาสความเป็นไปได้ในการยุติสงครามอิสราเอลกับฮามาส คืนตัวประกันที่กลุ่มติดอาวุธจับกุมไป ยุติการปะทะระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนบริเวณพรมแดนตอนเหนือ และโอกาสที่จะสร้างความคืบหน้าในข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม ดีลดังกล่าวอาจกลายเป็นต้นตอที่ทำให้แนวร่วมรัฐบาลของเนทันยาฮูแตกหัก ซึ่งเป็นการผลักผู้นำอิสราเอลรายนี้ให้กลายเป็นฝ่ายค้าน และทำให้เขามีความเสี่ยงที่จะถูกตัดสินโทษในคดีทุจริตมากขึ้นเช่นกัน
เงื่อนไขหนึ่งในข้อตกลงนี้ คือ การถอนทหารอิสราเอลออกจากกาซ่าทั้งหมด ซึ่งอาจเปิดทางให้ฮามาสประกาศชัยชนะและสถาปนาการปกครองกาซ่าของกลุ่มติดอาวุธนี้ขึ้นมาใหม่
แต่อีกด้านหนึ่ง หากเนทันยาฮูปฏิเสธข้อตกลงนี้ไป อาจทำให้อิสราเอลเผชิญกับการถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ ที่ออกมาเรียกร้องให้ยุติสงครามกาซ่า
สิ่งนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ยากจะขบแก้ และช่วยอธิบายท่าทีของไบเดนเมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ระบุว่าตนคือผู้นำสหรัฐฯ ที่ประกาศข้อเสนอของฝั่งอิสราเอล ซึ่งเนทันยาฮูรับรู้เกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวแต่มีท่าทีที่ตรงข้ามกับไบเดน โดยกล่าวว่าอิสราเอลยังมุ่งมั่นที่จะกวาดล้างกองกำลังและการปกครองฮามาสในกาซ่า และว่าการหารือหยุดยิงถาวรใด ๆ ก่อนสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ถือเป็นข้อเสนอที่ “ล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”
ในวันจันทร์ เนทันยาฮู กล่าวด้วยว่าการทำลายกลุ่มฮามาสเป็น “ส่วนหนึ่งของข้อเสนอ” และอ้างว่าได้หารือกับคณะรัฐมนตรียามสงครามว่าอิสราเอลมีสิทธิ์ในการกลับมาทำสงครามได้อีกหากข้อตกลงนี้ไม่บรรลุเป้าประสงค์ของอิสราเอล
ทั้งนี้ ยังไม่เคยมีความชัดเจนเลยว่าการทำลายกลุ่มฮามาสเกี่ยวข้องกับอะไรและมันเกิดขึ้นได้หรือไม่ โดยไบเดน กล่าวว่าอิสราเอลได้ทำให้ฮามาสอ่อนแอไปถึงจุดที่ไม่สามารถก่อเหตุโจมตีเหมือนเหตุการณ์เมื่อ 7 ตุลาคมปีก่อนได้อีกแล้ว และว่าการเดินหน้าทำสงครามต่อไป จะทำให้อิสราเอลเสี่ยงที่จะจมอยู่ในสงครามกาซ่า แต่เนทันยาฮูดูเหมือนจะมองหาชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก
‘แผนสุดท้ายของเนทันยาฮูคือความอยู่รอด’
ผู้วิจารณ์เนทันยาฮูกังวลว่าเขาจะปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงใด ๆ ก็ตามเพื่อเอาใจแนวร่วมรัฐบาลแนวทางชาตินิยมสุดโต่ง นั่นคือ รัฐมนตรีคลังอิสราเอล เบซาเลล สโมตริช และอิตามาร์ เบน-เกวียร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ที่ต้องการเดินหน้าทำสงครามต่อไป เข้ายึดกาซ่าอย่างสมบูรณ์ และตั้งถิ่นฐานชาวยิวในกาซ่า
สโมตริชและเบน-เกวียร์ ประกาศชัดว่าจะออกจากรัฐบาลเนทันยาฮูหากข้อเสนอที่ไบเดนพูดถึงได้รับความเห็นชอบ ขณะที่คู่แข่งทางการเมืองของเนทันยาฮูกลับสนับสนุนผู้นำอิสราเอลในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่ช่วยปล่อยตัวประกันให้เป็นอิสระ แต่พวกเขาอาจไม่สามารถช่วยเหลือเนทันยาฮูให้อยู่ในตำแหน่งได้ในระยะยาว
ทัล ชไนเดอร์ นักวิเคราะห์ข่าวการเมืองอิสราเอล ให้ทัศนะกับเอพีว่า “ทุกอย่างที่สโมตริชและเบน-เกวียร์เรียกร้องหรือขู่ว่าจะทำ จะเห็นว่าเนทันยาฮูให้ความใส่ใจอย่างมาก” และว่า “แผนสุดท้ายของเนทันยาฮูคือความอยู่รอด”
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันของเนทันยาฮู จัดตั้งเมื่อปลายปี 2022 หลังการเลือกตั้ง 5 ครั้งต่อเนื่อง และถือเป็นรัฐบาลที่มีความชาตินิยมและเคร่งศาสนามากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอิสราเอล อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำที่ 64 เสียงจาก 120 เสียง ทำให้ชะตากรรมของเนทันยาฮูต้องแขวนไว้กับพรรคเล็ก ๆ ที่ร่วมรัฐบาล
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองอันซับซ้อน
ไม่นานหลังการโจมตีโดยฮามาส เมื่อ 7 ตุลาคม ที่จุดชนวนสงครามกาซ่าครั้งล่าสุด เบนนี แกนต์ซ อดีตผู้บัญชาการทหารอิสราเอล และนักการเมืองคู่แข่งเนทันยาฮู ตบเท้าเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวในยามสงคราม ทำให้เนทันยาฮู แกนต์ซ และรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลโยอาฟ กัลแลนต์ นำทีมจัดตั้งคณะรัฐมนตรียามสงคราม
มาซาล มูอาเล็ม ผู้เขียนชีวประวัติของเนทันยาฮู บอกกับเอพีว่า ความพยายามดังกล่าวประสบความสำเร็จในการกีดกันกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งและเปิดทางให้เนทันยาฮูปกครองประเทศในรูปแบบที่เน้นการปฏิบัติมากขึ้น นับตั้งแต่เขาเข้ามาปกครองอิสราเอลตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990
ผู้เขียนชีวประวัติของเนทันยาฮู กล่าวด้วยว่า “ในช่วงหลายปีมานี้ บีบี้ได้ฝึกปรือการทำสิ่งที่ต้องการในสถานการณ์การเมืองอันยากลำบาก” โดยยกตัวอย่างการตอบโต้อย่างจำกัดของอิสราเอลต่อการโจมตีทางอากาศของอิหร่านเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่เบน-เกวียร์ วิจารณ์ว่า “อ่อนแอ” และต่อข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันที่ฮามาสยอมรับเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ที่สโมตริชคัดค้านตั้งแต่เริ่มแรกก่อนที่จะตัดสินใจโหวตสนับสนุนในท้ายที่สุด
แต่เมื่อแกนต์ซ ขู่จะลาออกจากรัฐบาลเว้นแต่เนทันยาฮูจะกางแผนหลังสงครามภายในเส้นตาย 8 มิถุนายนนี้ จะยิ่งทำให้เนทันยาฮูต้องหันไปพึ่งพาเบน-เกวียร์และสโมตริชมากขึ้นไปอีก
โอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากนี้
จุดยืนที่แข็งกร้าวของเนทันยาฮูยังได้เน้นหนักไปที่ความสัมพันธ์ของอิสราเอลกับพันธมิตรใกล้ชิด นั่นคือ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการทหารที่สำคัญของอิสราเอล แต่เป็นฝ่ายที่แสดงความขุ่นเคืองเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์และการขาดแผนหลังสงครามที่เป็นไปได้จริงของอิสราเอล
ส่วนในเวทีโลก ท่าทีของเนทันยาฮูได้ทำให้อิสราเอลเผชิญกับข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งอิสราเอลออกมาปฏิเสธ และการออกหมายจับเนทันยาฮูโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ
ในถ้อยแถลงของไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ได้เสนอทางออกให้กับเนทันยาฮู คือ การประกาศชัยชนะด้วยการกล่าวว่าฮามาสไม่อาจโจมตีในรูปแบบเมื่อ 7 ตุลาคมได้อีกแล้ว พาตัวประกันที่เหลือกลับบ้าน และทำงานร่วมกับสหรัฐฯ และชาติอาหรับในการสร้างความมั่นคงในภูมิภาคขึ้นมาใหม่
ทว่า ความกลัวสูญเสียอำนาจก็อาจมีชัยเหนือกว่า
เนทันยาฮูใช้เวลาหลายปีในการฉายภาพว่าเขาคือคนเดียวที่จะนำพาอิสราเอลก้าวผ่านความท้าทายทางการทูตและความมั่นคงทั้งหลายได้ ซึ่งภาพลักษณ์ดังกล่าวถูกทำลายลงครั้งใหญ่ในการโจมตีของฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคมปีก่อน ที่ชาวอิสราเอลจำนวนมากกล่าวโทษเขาว่าเป็นต้นเหตุแห่งความล้มเหลวด้านความมั่นคงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล ผลสำรวจความเห็นประชาชนชี้ว่าเนทันยาฮูมีคะแนนนิยมตามหลังแกนต์ซอยู่ และอาจทำให้เขาเผชิญกับความยากลำบากหากจะต้องมีการเลือกตั้งอิสราเอลเกิดขึ้น ณ วันนี้
สำหรับภัยคุกคามต่าง ๆ ที่กล่าวมา พันธมิตรฝ่ายขวาจัดของเขาก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน และพร้อมที่จะเข้าร่วมฝ่ายค้านกับเนทันยาฮูหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียอำนาจที่เขาเคยได้รับจากการขยายถิ่นฐานชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์
หากเนทันยาฮูสามารถตรึงกำลังสมาชิกร่วมรัฐบาลไว้ได้เหนียวแน่นจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2026 เขาอาจจะสามารถกู้ภาพลักษณ์กลับมาได้ทัน โดยในผลสำรวจความเห็นประชาชน เนทันยาฮูเริ่มได้รับคะแนนนิยมไต่ระดับขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากความนิยมดิ่งหนักจากเหตุโจมตีโดยฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม ที่เนทันยาฮูแสดงจุดยืนสวนแรงกดดันนานาชาติที่เรียกร้องให้ยุติสงครามกาซ่า
อาวิฟ บูชินสกี อดีตที่ปรึกษาของเนทันยาฮู กล่าวกับเอพีว่า การตัดสินใจในภาวะสงครามของเนทันยาฮูแทบไม่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดทางการเมืองของเขา แต่จะเชื่อมโยงกับการรักษาอำนาจที่ไม่ได้ถูกบดบังไปเสียหมดจากเหตุโจมตีเมื่อ 7 ตุลาคม ที่จำเป็นจะต้องมีชัยชนะบางรูปแบบเหนือฮามาสเป็นเครื่องรับประกัน
บูชินสกี กล่าวว่า “จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ ทางเลือกเดียวของเนทันยาฮูคือการไปให้สุดทาง” ซึ่งเบน-เกวียร์และสโมตริช “กำลังช่วยให้เขาไปถึงจุดหมายปลายทาง และช่วยประคองเขาไว้ไม่ให้เพลี่ยงพล้ำไปเสียก่อน”
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น