ถนนหนทางที่เต็มไปด้วยแสงสีและตึกระฟ้าในมหานครนิวยอร์ก ได้ดึงดูดผู้อพยพทั่วโลกให้หลั่งไหลเข้ามาสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การให้ข้อมูลที่ชวนสับสนของทางการอเมริกัน พ่วงด้วยทางตันด้านกฏหมายในสภาสหรัฐฯ ได้ตอกย้ำว่าประเด็นผู้อพยพยังคงเป็นปัจจัยบ่งชี้สำคัญในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีนี้
ระหว่างที่สภาคองเกรสพิจารณาร่างกฎหมายผู้อพยพที่เข้มงวดขึ้น ผู้อพยพ 175,000 ชีวิตที่อยู่ในกระบวนการเดินเรื่องด้านผู้อพยพในนิวยอร์ก ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2022 กลับได้รับสัญญาณที่ขัดแย้งกันจากทางการท้องถิ่นจากพรรคเดโมแครต
แม้จะมีมาตรการในนครนิวยอร์กเพื่อกีดกันผู้อพยพเข้ามาใหม่ ด้วยการลดการเข้าพักในที่พักพิงผู้อพยพและห้ามการรับส่งรถบัสเข้าออกเมือง แต่สำนักงานนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก เพิ่งจะประกาศโครงการริเริ่มต่าง ๆ อย่างเช่น บัตรเดบิตสำหรับซื้ออาหารมูลค่า 1,000 ดอลลาร์ และเปิดรับงานตำแหน่งใหม่ 4,000 ตำแหน่งให้กับผู้อพยพที่เข้ามาใหม่ในนิวยอร์ก
แองเจิล ทอร์เรส ผู้อพยพจากเวเนซุเอลา กล่าวว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องดี พวกเขาให้การช่วยเหลือมากมายแก่ผู้อพยพ พวกเขาให้อาหาร เสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาว พวกเขาให้โอกาสสำหรับลูกของเราในการศึกษาเล่าเรียน รวมทั้งเริ่มทำเอกสารสำหรับการทำงาน ช่วยเหลือเรามากมายสำหรับการดำเนินชีวิตในนิวยอร์ก”
เอฟเวอลิน ที่ไม่ประสงค์เปิดเผยนามสกุล ผู้อพยพจากเอกวาดอร์ กล่าวกับวีโอเอว่า “มีคนที่ดีมากมายที่นั่น มีคนมากมายที่ช่วยเหลือเรา เราเห็นความช่วยเหลือที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในประเทศของพวกเขาด้วยซ้ำ”
ระหว่างที่ผู้อพยพยังคงแลกเปลี่ยนประสบการณ์เชิงบวกให้กับผู้คนในบ้านเกิดของพวกเขา และสนับสนุนให้เดินทางเข้ามายังมหานครนิวยอร์กเรื่อย ๆ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กำลังค้นหาทางออกจากคองเกรส และยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวเกินกว่าที่หน่วยงานระดับท้องถิ่นจะรับไหว
เอริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวว่า “นี่ถือเป็นปัญหาระดับชาติ ทั้งที่ชิคาโก บอสตัน ฮิวสตัน วอชิงตัน รัฐบาลระดับประเทศต้องเป็นฝ่ายแก้ปัญหาและความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ เราได้เห็นสิ่งที่เป็นนโยบายระดับชาติอันล้มเหลวที่กำลังเกิดขึ้น และเมื่อผมได้กล่าวถึงเรื่องนี้กับนายกเทศมนตรีในเมืองอื่น ๆ พวกเขาก็พูดแบบเดียวกัน”
แม้จะมีความพยายามจากนักการเมืองทั้งสองพรรคและมีการรวบรวมแนวคิดรีพับลิกันเกี่ยวกับผู้อพยพเข้าไปมากมาย แต่ยังมีมุมมองจากผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสที่ยังคงเดินหน้าขัดขวางร่างกฎหมายผู้อพยพต่อไป
ส.ส.ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า “พรรครีพับลิกันได้รับคำสั่งจาก[อดีตประธานาธิบดี]โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องพรมแดน แต่กลับเดินหน้าเล่นเกมการเมือง เพราะต้องการใช้เรื่องพรมแดนเป็นประเด็นในการหาเสียงเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ และนั่นจะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบย้อนกลับไป"
แต่ฝั่งพรรครีพับลิกันไม่เห็นด้วยเช่นนั้น และว่าเป็นปัญหาที่มาจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ซึ่งใช้เวลาเกือบ 4 ปีในการขบแก้ปัญหาดังกล่าว
ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า “โจ ไบเดนล้มเหลวในภาระหน้าที่พื้นฐานและมีความสำคัญในฐานะประธานาธิบดี เขาล้มเหลวในการปกป้องพรมแดนและปกป้องคนของเรา และเพราะความล้มเหลวของเขา บรรดาผู้ว่าการรัฐจากทั่วประเทศต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของรัฐบาลกลางเพราะพวกเขาจะไม่ทำอะไรเลย”
ในเรื่องนี้ เอริน คอร์โคแรน แห่งมหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม (University of Notre Dame) เห็นว่ากฎหมายผู้อพยพเข้าเมืองมีจุดประสงค์ทางการเมือง
คอร์โคแรน เสริมว่า “สิ่งนี้จะเป็นประเด็นใหญ่ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีแรงจูงใจมากมายในการไม่ประนีประนอมกันในสภา เพราะเมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับมติเห็นชอบให้ผ่านเป็นกฎหมาย และมีผลบังคับใช้ จะทำให้ประเด็นปัญหาบางอย่างหมดไป”
ระหว่างที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างต่อสู้กันในมิติของพวกเขาเพื่อหวังผลทางการเมือง ชะตากรรมของผู้อพยพนับล้านชีวิตยังไร้ความแน่นอน อย่างน้อยก็จนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น