รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโคโลราโดได้ประกาศการแก้กฎหมายใหม่ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานรัฐต้องยุติการใช้คำว่า 'Alien' หรือ ‘คนต่างด้าว’ เพื่ออธิบายถึงผู้ที่อพยพมาอยู่ในสหรัฐฯ อย่างไม่ถูกกฎหมาย
การปรับแก้กฎหมายของทั้งสองรัฐเกิดขึ้นหลังจากผู้ที่อพยพมาอยู่ในสหรัฐฯ และองค์กรรณรงค์เพื่อสิทธิผู้อพยพ ได้ออกมาเรียกร้องว่า คำว่า ‘คนต่างด้าว’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับคำว่า ผิดกฎหมาย’ นั้นลดทอนความเป็นมนุษย์และส่งกระทบด้านลบต่อการออกนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาผู้อพยพบริเวณชายแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโกมีให้พบเห็นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานของ National Conference of State Legislatures ระบุว่า ขณะนี้ รัฐอื่นๆ อีกอย่างน้อย 7 รัฐกำลังพิจารณาการปรับแก้กฎหมายเพื่อระงับการใช้คำว่า ‘คนต่างด้าว’ และ ‘บุคคลผิดกฎหมาย’ เช่นกัน
นักการเมืองพรรคเดโมแครตของรัฐแคลิฟอร์เนีย ลูซ ริวาส ซึ่งเป็นคนมีส่วนในการแก้กฎหมายครั้งนี้ อธิบายกับสำนักข่าวเอพีว่า คำใหม่ที่ควรจะนำมาใช้อธิบายกลุ่มคนประเภทข้างต้นควรเป็นคำว่า ‘ผู้ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน’ หรือ ‘ผู้อพยพ’ แทน
เธอเล่าย้อนอดีตให้ฟังเมื่อครั้งเธอยังเด็กว่า คำว่า ‘คนต่างด้าว’ ซึ่งปรากฎอยู่บัตรประจำตัวของแม่เธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าครอบครัวตนเองไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกา แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วแม่ของเธอกำลังจะได้รับการโอนสัญชาติมาเป็นพลเมืองอเมริกันก็ตาม
นักการเมืองพรรคเดโมแครตผู้นี้พูดต่อว่า “ฉันไม่ต้องการให้เด็กของผู้อพยพคนอื่นๆเหมือนกับตัวฉันต้องเผชิญความรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกาเวลาที่พวกคำถูกตีตราว่าเป็น ‘คนต่างด้าว’
ส่วนรัฐโคโลราโดก็มีการปรับแก้กฎหมายเช่นกัน โดยสมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐโคโลราโด จูลีย์ กอนซาเลส ซึ่งเป็นผู้ร่วมแก้กฎหมายของรัฐดังกล่าว ได้บอกต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติในทำนองเดียวกันว่า คำว่า ‘คนต่างด้าวผิดกฎหมาย’ เป็นการดูถูกและดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยเธอให้เหตุผลว่า ในโลกนี้ ไม่ควรมีใครถูกเรียกว่า 'คนผิดกฎหมาย' เพราะลักษณะการดำรงอยู่ของพวกเขา แต่จะเป็นคนผิดกฎหมายได้ก็เพราะการกระทำละเมิดกฏหมายต่างๆ มากกว่า
ประวัติการใช้คำว่า ‘คนต่างด้าว’ ในสหรัฐฯมีความเป็นมายาวนานนับย้อนไปตั้งแต่ในสมัยประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา จอร์จ วอชิงตัน ซึ่งขณะนั้นอเมริกาผ่านกฎหมาย the Alien and Sedition Acts ในปี 1798 ซึ่งอนุญาตให้มีการโอนสัญชาติ (naturalization law) และมีการใช้คำดังกล่าว
เมื่อเดือนเมษายน หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึง หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดน (CBP) ได้ประกาศตามคำสั่งของทรอย มิลเลอร์ ผู้อำนวยการของ CBP โดยแนะนำให้พนักงานหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า ‘คนต่างด้าว’ ในการสื่อสารอย่างเป็นทางการและในเอกสารสาธารณะ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและให้เกียรติต่อผู้ที่มาติดต่อกับหน่วยงานดังกล่าว โดยให้ใช้คำว่า ‘ผู้ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน’ หรือ ‘ผู้อพยพ’ แทน ส่วนคำว่า ‘คนต่างด้าวผิดกฎหมาย’ ให้ใช้คำว่า '‘ผู้ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันที่ไม่มีเอกสาร’
อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งข้างต้น เช่น หัวหน้าสูงสุดของ CBP รูนีย์ สก็อต ซึ่งให้เหตุผลว่าการทำเช่นนั้นเป็นการเล่นเกมส์การเมือง ส่วน นายเซจ โนแมน โฆษกสมาชิกวุฒิสภารัฐโคโลราโด สังกัดพรรครีพับลิกัน บอกกับสำนักข่าวเอพีว่า สภาล่างซึ่งพรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมากอยู่นั้นควรจะหันไปให้ความสนใจกับเรื่องอื่นๆที่มีผลกระทบต่อชีวิตของประชากรแทน เช่น การจัดการปัญหาเงินเฟ้อ การลดอาชญากรรม หรือ การส่งเสริมการศึกษา มากกว่า
- ที่มา สำนักข่าววีโอเอและเอพี