เกาหลีใต้และสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงในวันจันทร์ที่จะยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปยังอยู่ในภาวะตึงเครียดจากการทำสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย และกรณีภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดียูน ซุก ยอล กับ เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และ ชาร์ลส มิเชล ประธานสภาสหภาพยุโรป ทุกฝ่ายให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันในประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สาธารณสุขและห่วงโซ่อุปทาน
ปธน.ยูน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมว่า “เกาหลีใต้และอียู เป็นหุ้นส่วนสำคัญที่มีค่านิยมสากลร่วมกันในด้านเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม”
ที่ผ่านมา ผู้นำเกาหลีใต้พยายามผลักดันให้มีการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับพันธมิตรในยุโรปและสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับประเด็นความท้าทายทั่วโลกอันรวมถึง สงครามในยูเครนและความตึงเครียดจากท่าทีของจีนเกี่ยวกับไต้หวัน พร้อมทั้งพยายามหาความร่วมมือมาจัดการกับนโยบายด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วย
ในการหารือในวันจันทร์ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 60 ปีของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีด้วย ปธน.ยูนและผู้นำอียู ออกแถลงการณ์ร่วมประณามการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียว่า เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยังวิพากษ์วิจารณ์ความพยายามอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการพัฒนาคลังนิวเคลียร์รวมทั้งคำขู่จากเปียงยางเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีเกาหลีใต้ด้วย
คำแถลงการณ์ร่วมที่ว่านี้มีการระบุว่า “รัสเซียต้องยุติการรุกรานและถอนกำลังทหารของตนทันที อย่างสมบูรณ์ และโดยไม่มีเงื่อนไข ออกจากอาณาเขตทั้งหมดของยูเครน”
และขณะที่เกาหลีใต้ยังไม่เคยนำส่งอาวุธร้ายแรงใด ๆ ไปช่วยกองทัพกรุงเคียฟเลย เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวขอบคุณปธน.ยูน สำหรับความช่วยเหลือด้านการเงินและด้านมนุษยธรรมที่ส่งมอบให้กับยูเครน
นอกจากประเด็นยูเครนแล้ว ผู้นำเกาหลีใต้และอียูเรียกร้องให้มีการเปิดเสรีการบินผ่านและการล่องเรือในทะเลจีนใต้ และมีการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนคัดค้านความพยายามโดยฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงของสถานภาพที่เป็นอยู่ (status quo) ในแถบอินโด-แปซิฟิกด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์
