เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียทำให้เกิดไฟฟ้าดับที่โรงงานนิวเคลียร์ของยูเครน และสร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากไฟฟ้าจากภายนอกที่ถูกตัดขาดอาจกระทบกับระบบป้องกันอันตรายจากสารกัมมันตรังสี
หน่วยงานด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติที่อยู่ในพื้นที่ออกรายงานว่าไฟฟ้าจากภายนอกผ่านสายส่งที่ยังเหลืออยู่เส้นสุดท้ายสามารถกลับมาใช้ได้เเล้ว แปดชั่วโมงหลังจากที่ไฟดับที่โรงงานพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริห์เชีย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย
รายงานดังกล่าวของผู้อำนวยการของหน่วยงาน International Atomic Energy Agency ราฟาเอล กรอสซี กล่าวว่าเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อสถานการณ์ร้ายเเรงที่โรงงานซาปอริห์เชีย ซึ่งเป็นโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
เจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่าการโจมตีของมอสโกในวันที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 14 คนและบาดเจ็บ 34 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้อย่างต่อเนื่องจากรัสเซียหลังจากที่เกิดเหตุระเบิดที่สะพานเชื่อมรัสเซียกับเเคว้นไครเมียในวันเสาร์
ส่วนประเทศตะวันตกที่หารือกันที่กรุงบรัสเซลส์ กำลังพิจารณาแผนสนับสนุนด้านอาวุธและความช่วยเหลืออื่น ๆ ให้กับยูเครนช่วงฤดูหนาว
พอล ดอร์ฟแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์จากมหาวิทยาลัยซัสเซ็กส์ของอังกฤษกล่าวว่า เหตุการณ์ล่าสุดที่โรงงานไฟฟ้าซาปอริห์เชียสะท้อนว่า "โลกของเรามีความไม่มั่นคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ" และอาจเป็นบทเรียนให้กับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่อื่น ๆ ทั่วโลกได้
หลังจากที่ไฟฟ้าดับ คนงานยูเครนสามารถซ่อมสายส่งไฟฟ้าและเชื่อมระบบของโรงงานกับไฟฟ้าจากภายนอกได้
เพโตร โคติน ซีอีโอของบริษัท Energoatom ที่บริหารจัดการโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ บอกกับสำนักข่าวเอพีเมื่อเดือนที่เเล้วว่า โรงงานไฟฟ้าซาปอริห์เชียมักจะมีปริมาณน้ำมันดีเซลเผื่อไว้ใช้เพื่อการผลิตไฟเอง ซึ่งอาจมีเพียงพอสำหรับระยะเวลา 10 วัน และถือว่า "เป็นด่านสุดท้ายก่อนเกิดอุบัติเหตุสารกัมมันตรังสี"
- ที่มา: เอพี