ชาวฟิลิปปินส์เตรียมเดินเข้าคูหาเลือกตั้งในวันจันทร์นี้เพื่อลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งมีโอกาสสูงที่บุตรชายของอดีตผู้นำเผด็จการ "เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส" อาจได้เป็นผู้นำคนต่อไป หลังจากที่ระบอบการปกครองของมาร์กอสถูกประชาชนโค่นอำนาจลงเมื่อ 36 ปีก่อน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการสำรวจคะแนนประชานิยมครั้งล่าสุดชี้ให้เห็นว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "บองบอง" มีคะแนนนำคู่แข่งสำคัญ คือ รองประธานาธิบดี เลนี โรเบรโด มากกว่า 30% และมีคะแนนนำโด่งในทุกโพลล์ในปีนี้ ซึ่งหมายความว่า โอกาสที่รองประธานาธิบดีโรเบรโดจะได้รับชัยชนะนั้นค่อนข้างริบหรี่ นอกเสียจากว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อยอย่างผิดปกติ หรือมีเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างมากในชั่วข้ามคืน
คาดกันว่าหากนายมากอสได้รับชัยชนะ นโยบายของเขาจะไม่ต่างจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แม้ว่าตัวนายมาร์กอสเองยังมิได้ประกาศนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมออกมาเท่าใดนักก็ตาม
ขณะที่รองปธน.โรเบรโด วัย 57 ปี ซึ่งเป็นอดีตทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ให้สัญญาว่าจะยกระดับการศึกษาและสวัสดิการของประชาชน ต่อสู้ความยากจน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ เมื่อ 6 ปีก่อน มาร์กอส จูเนียร์ เคยพ่ายแพ้ให้กับเลนี โรเบรโด มาแล้วในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี ซึ่งโรเบรโด เฉือนชนะไปเพียง 200,000 คะแนน
ในครั้งนี้ มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังเหตุการณ์ลุกฮือล้มล้างรัฐบาลของบิดาของเขาเมื่อปีค.ศ. 1986 ซึ่งทำให้ครอบครัวของเขาต้องลี้ภัยไปอาศัยในต่างประเทศหลายปี
นายมาร์กอสใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการหาเสียง บรรดาผู้สนับสนุนของเขาต่างออกมารณรงค์ปฏิเสธคำกล่าวหาของคู่แข่งเกี่ยวกับปัญหาการโกงกิน การเล่นพรรคเล่นพวก และความโหดร้ายภายใต้การปกครองของพ่อของเขาที่กินเวลานานร่วม 20 ปี และได้วาดภาพเผด็จการมาร์กอสที่แตกต่างออกไปจากที่นักวิชาการจำนวนมากระบุไว้
ขณะที่ปัจจัยหนุนอีกอย่างหนึ่งที่อาจทำให้มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับชัยชนะ คือ ซารา ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ บุตรสาวของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งลงสมัครคู่กันในตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนำคะแนนเสียงของผู้สนับสนุนบิดาของเธอมาให้กับมาร์กอส จูเนียร์ ด้วย
ทั้งนี้ มีชาวฟิลิปปินส์ราว 65 ล้านคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งในวันจันทร์นี้ ซึ่งนอกจากจะเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงแล้ว ยังมีการลงคะแนนเสียงที่นั่งสำคัญอื่น ๆ อีก 18,000 ตำแหน่ง ตั้งแต่ ส.ส. และ ส.ว. ไปจนถึงผู้ว่าการจังหวัดและนายกเทศมนตรีด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์