เมื่อวันศุกร์ วลาดิเมียร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะเจรจาของรัสเซียระบุว่า คณะเจรจารัสเซียและยูเครนใกล้ข้อตกลงได้ไปอีกขั้น ในประเด็นที่ยูเครนจะไม่เข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ และรักษาสถานะเป็นกลางตามรายงานของเอพี
เมดินสกีระบุว่า ทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันได้ครึ่งทางต่อประเด็นการปลดกองกำลังทหารในยูเครน อย่างไรก็ตาม ทางคณะเจรจาของยูเครนไม่ได้มีท่าทีโดยทันทีหลังการเจรจารอบนี้
ในช่วงเช้าวันศุกร์ มีผู้ถูกขีปนาวุธสังหารหนึ่งคนในเมืองละวิฟ โดยภาพจากดาวเทียมเผนให้เห็นขีปนาวุธทำลายโรงซ่อมเครื่องบินถูกยิงทำลาย และสร้างความเสียหายแก่อาคารอีกสองแห่ง แต่เครื่องบินไอพ่นที่จอดเรียงอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหาย
ทางด้านยูเครนระบุว่า ได้ยิงทำลายขีปนาวุธสองลูกจากทั้งหมดหกลูก ซึ่งถูกยิงมาจากทะเลดำ
การโจมตีดังกล่าวเป็นการโจมตีที่ใกล้ใจกลางเมืองละวิฟที่สุด โดยเมืองดังกล่าวเป็นเมืองที่ชาวยูเครนลี้ภัยมาหลบอาศัย และเป็นเมืองที่มีการนำเข้าความช่วยเหลือจากต่างชาติ หรือมีทหารอาสาต่างชาติมาช่วยรบ สงครามครั้งนี้ทำให้มีผู้อาศัยในเมืองละวิฟมากขึ้นถึงราว 200,000 คน
ในขณะเดียวกัน โรงพยาบาล โรงเรียน และอาคารที่มีผู้หลบภัยต่างถูกโจมตี รวมถึงเหตุโจมตีโรงละครในเมืองมาริอูโพล ที่ถูกใช้เป็นที่หลบภัยของประชาชน เมื่อวันพุธ
ลุดมีลา เดนิโซวา กรรมการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐสภายูเครน ระบุว่า มีผู้รอดชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศนี้อย่างน้อย 130 คน แต่ยังมีผู้คนอีกกว่า 1,300 คนติดค้างในชั้นใต้ดินของอาคารดังกล่าว
ในช่วงเช้าวันศุกร์ หน่วยงานฉุกเฉินระบุว่า อาคารที่อยู่อาศัยในย่านโพดิลของกรุงเคียฟ ยังถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อยหนึ่งคน โดยสามารถอพยพผู้คน 98 คนออกจากอาคารดังกล่าวได้ ขณะที่วิตาลิ คลิทชโก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 คน
นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุโจมตีอาคารที่อยู่อาศัยและที่ทำการในเมืองครามาทอส์ค จนมีผู้เสียชีวิตสองคน
สหประชาชาติคาดการณ์ว่า มีผู้ลี้ภัยจากยูเครนแล้วเกือบ 3.3 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าทั้งพลเรือนและทหารหลายพันคนจากทั้งฝั่งยูเครนและรัสเซียถูกสังหาร
ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า การป้องกันประเทศของยูเครนเข้มแข็งกว่าที่คาดการณ์ไว้ และรัสเซีย “ไม่รู้ว่าเรามีการป้องกันอย่างไร หรือเราเตรียมถูกโจมตีอย่างไรบ้าง”
ผู้นำทั่วโลกต่างเรียกร้องให้มีการสอบสวนรัสเซียต่อเหตุที่อาจเป็นอาชญากรรมสงครามจากการโจมตีพลเรือน โดยองค์การอนามัยโลกยืนยันว่า มีการโจมตีโรงพยาบาลและสถานพยาบาล 43 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน
- ที่มา: เอพี