สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครนซึ่งล้วนเป็นผู้ปลูกพืชผลการเกษตรรายใหญ่ของโลก อาจส่งผลต่อราคาสินค้าทางการเกษตรและอาหาร รวมทั้งข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน และพืชผลทางเลือกอื่น ๆ ในตลาดโลก พุ่งสูงขึ้นจากระดับที่สูงสุดในรอบหลายปีอยู่แล้วในปัจจุบัน
ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนมีปริมาณการส่งออกข้าวสาลีรวมกันประมาณ 29% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก รวมทั้งข้าวโพด 19% และน้ำมันดอกทานตะวัน 80% ของตลาดโลก
เวลานี้ทางบริษัทซื้อขายพืชผลดังกล่าวกำลังกังวลว่า ปฏิบัติการทางทหารบริเวณพรมแดนของสองประเทศอาจส่งผลต่อปริมาณผลผลิตและทำให้ต้องสั่งซื้อสินค้าจากพื้นที่อื่นหรือเปลี่ยนไปสั่งซื้อพืชผลทางเลือกเพื่อนำมาทดแทนมากขึ้น
โดยราคาข้าวสาลีในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ในวันอังคาร ราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน เช่นเดียวกับราคาถั่วเหลือง โดยผลผลิตสำคัญสามประเภทนี้มีราคาเพิ่มขึ้นไปแล้ว 40% จากปีที่แล้ว
ฟิน ซีเบลล์ นักเศรษฐศาสตร์การเกษตรแห่งธนาคาร National Australia Bank กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ความกังวลต่อปริมาณการส่งออกของประเทศในแถบทะเลดำได้ส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตและอาหารโดยรวมในตลาดโลก โดยเฉพาะผู้ซื้อในตะวันออกกลางและแอฟริกาที่อาจหันไปหาทางเลือกอื่น
ข้อมูลของบริษัทวิจัย Refinitiv ระบุว่า ราว 70% ของข้าวสาลีที่รัสเซียส่งออกไปนั้นมีปลายทางอยู่ที่ตะวันออกกลางและแอฟริกา แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้าหลายรายหันไปซื้อผลผลิตจากภูมิภาคอื่นแทน รวมทั้งเปลี่ยนไปซื้อผลผลิตประเภทอื่นที่สามารถทดแทนกันได้จากแคนาดาและสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ องค์การอาหารของสหประชาชาติระบุว่า ราคาอาหารโลกในขณะนี้สูงขึ้นเฉียดระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
- ที่มา: รอยเตอร์