ธนาคารโลกเตือนชาวโลกกว่า 210 ล้านคนต้องถูกผลักจากถิ่นที่อยู่เพราะสภาพอากาศปรวนแปร

This satellite image provided by the National Oceanic and Atmospheric Administration shows Hurricane Olaf on the Pacific coast of Mexico approaching the Los Cabos resort region, early on Sept. 9, 2021.

ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ที่เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกซึ่งทำให้เกิดปัญหาภาวะอากาศปรวนแปรอาจทำให้ประชาชนราว 216 ล้านคนใน 6 ภูมิภาคของโลกต้องถูกผลักออกจากถิ่นที่อยู่อาศัยของตนภายใน 30 ปีข้างหน้า รวมทั้งยังอาจทำให้เกิด “hotspots” หรือพื้นที่ซึ่งจะได้รับผลกระทบด้านประชากรจากเรื่องนี้ขึ้นหลายแห่งในอีกเก้าปีต่อจากนี้หากไม่มีมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วนด้วย

รายงานซึ่งธนาคารโลกตั้งชื่อว่า “Groundswell Part 2” นี้ ศึกษาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนซึ่งจะส่งผลผลักดันการอพยพเคลื่อนย้ายของประชากรภายในประเทศจากสาเหตุด้านภัยธรรมชาติต่างๆ เช่น ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ผลผลิตด้านการเกษตรที่ล้มเหลว รวมทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนอื่นๆ ต่อจากรายงานฉบับแรกเมื่อสามปีที่แล้ว

ในครั้งนี้ธนาคารโลกศึกษาผลกระทบของปัญหาโลกร้อนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก อเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันออก และเอเชียกลางโดยเฉพาะ และให้ตัวเลขว่าภายในปีค.ศ. 2050 หรืออีกราว 30 ปีต่อจากนี้พื้นที่บริเวณใต้ทะเลทรายซาฮาร่าของทวีปแอฟริกาจะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ จะมีประชากรถึงราว 86 ล้านคนที่ถูกผลักออกจากถิ่นที่อยู่ของตน ตามมาด้วยภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกคือ 49 ล้านคนและเอเชียใต้ 40 ล้านคน เป็นต้น

ธนาคารโลกเตือนด้วยว่า เพื่อชะลอปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของปัญหาและเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ผู้กำหนดนโยบายของประเทศต่างๆ ควรต้องเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและจัดทำนโยบายที่เหมาะสมเพื่อเตรียม รับมือกับปัญหาเหล่านี้ล่วงหน้า