องค์การอนามัยโลกเตือน ‘ภาวะโลกร้อน’ ทำให้โรคที่มียุงเป็นพาหะแพร่ระบาดหนัก

  • VOA

FILE - A female Aedes aegypti mosquito, known to carry diseases such as dengue, Zika and yellow fever, acquires a blood meal on the arm of a researcher at the Biomedical Sciences Institute of Sao Paulo University in Sao Paulo, Brazil, Jan. 18, 2016.

การศึกษาวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า และการขยายตัวของเมือง เป็นสาเหตุหลักบางประการที่อยู่เบื้องหลังการระบาดของไวรัส เช่น ไข้เลือดออก เชื้อไวรัสซิกา และโรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย ที่ระบาดอยู่ทั่วโลก

การศึกษานี้เปิดเผยว่า การติดเชื้อที่เกิดจากโรคที่มียุงเป็นพาหะเหล่านี้ และระบาดได้ดีในสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นและภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นกึ่งเขตร้อน มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีรายงานที่ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกทั่วโลกเพิ่มขึ้น จากราว 5 แสนรายในปี 2000 เป็น 5.2 ล้านรายในปี 2019 แล้ว

Mosquito Magnets

และในความเป็นจริง แนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วโลกกำลังเสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุด ที่แพร่จากยุงไปสู่มนุษย์ โดยในแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อประมาณ 100 ถึง 400 ล้านคน

รามัน เวลายุธัน หัวหน้าหน่วยของโครงการการควบคุมโรคเขตร้อนที่ผู้คนมักละเลย ของ WHO และทำงานประสานกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับโรคไข้เลือดออกและไวรัสชนิดมีแมลงเป็นพาหะโรค กล่าวว่า “ปัจจุบัน มีประมาณ 129 ประเทศที่เสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก และเป็นโรคเฉพาะถิ่นในกว่า 100 ประเทศ”

เวลายุธัน กล่าวว่า เฉพาะในทวีปอเมริกาใต้ โรคไข้เลือดออกกำลังเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ สู่ประเทศต่างๆ เช่น โบลิเวีย เปรู และปารากวัย อยู่ในเวลานี้

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ และและความชื้นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้ยุงเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ ขณะที่ มีการวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า แม้ในสภาพอากาศที่แห้ง ยุงก็ยังสามารถผสมพันธุ์ได้ โดยนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า สภาพอากาศที่แห้งจะส่งผลให้ยุงกระหายน้ำ และเมื่อพวกมันขาดน้ำ ยุงต้องการที่จะดูดเลือดบ่อยขึ้น

เขากล่าวว่า "สิ่งนี้ทำให้เรากังวลอย่างมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีบทบาทสำคัญ ที่เอื้อให้เกิดการแพร่กระจายของยุงพาหะไปในทิศทางตอนใต้ เมื่อผู้คนเดินทาง ไวรัสก็จะไปกับพวกเขาตามธรรมชาติ” และแนวโน้มนี้ อาจจะดำเนินต่อไปทั่วโลก

เวลายุธัน เผยว่า "เราได้รับรายงานจากประเทศซูดานว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มีจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงถึงกว่า 8,000 ราย และเสียชีวิตถึง 45 ราย"

FILE - Raqiya Abdsalam, who survived a bout of dengue fever, sits at her home in El-Obeid, Sudan, on Jan. 23, 2023.

เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีการเพิ่มขึ้นของไข้เลือดออกในทวีปเอเชียด้วย ได้แก่ ในประเทศกัมพูชา เวียดนาม ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์

ส่วนมากไข้เลือดออกเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่บางรายอาจมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้ และมีผื่นตามร่างกาย อาการของผู้ป่วยมักที่จะหายไปในเวลาสองถึงสามสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ไข้เลือดออกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรง

แต่ เวลายุธัน ชี้ว่า “นี่เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงต่อโลก เพราะปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่มีไวรัสไข้เลือดออกที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 4 สายพันธุ์หมุนเวียนกันแพร่ระบาดตลอดทั้งปี” และว่า “โรคไข้เลือดออกนั้นยังไม่มีทางรักษา และวัคซีนก็เพิ่งเข้าสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้ด้วย”

เขายังเพิ่มเติมว่า มีวัคซีนอยู่ 1 ชนิดที่ได้รับอนุญาตให้มีการแจกจ่ายแล้วในประมาณ 20 ประเทศ โดยมีประสิทธิภาพดีสำหรับผู้ที่เคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้วหนึ่งครั้ง ขณะที่ มีวัคซีนอีก 2 ชนิดกำลังอยู่ในระหว่างการทดลอง และมีอีก 2 ตัวยาที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

ในส่วนของไวรัสชิคุนกุนยาที่เป็นสาเหตุของโรคไข้ปวดข้อยุงลาย แพร่กระจายโดยยุงลายและพบได้ในเกือบทุกทวีปนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ มีประมาณ 115 ประเทศรายงานว่า พบผู้ป่วยจากเชื้อดังกล่าวแล้ว โดยโรคนี้อาจทำให้เกิดความพิการเรื้อรังและส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

ไดอานา โรฮาส อัลวาเรซ หัวหน้ากลุ่มเทคนิคของ WHO ด้านไวรัสซิกาและไวรัสชิคุนกุนยา และเป็นหัวหน้าร่วมของโครงการระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับอาร์โบไวรัส กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา ในอเมริกาเพิ่มขึ้นจาก 50,000 รายในปี 2022 เป็น 135,000 รายในปีนี้ ขณะที่ ไวรัสเริ่มแพร่กระจายออกจากพื้นที่ที่ไวรัสนี้ถือเป็นโรคประจำถิ่นในอเมริกาใต้ ไปยังภูมิภาคอื่นๆ แล้ว

ทั้งนี้ อาร์โบไวรัสแพร่กระจายโดยสัตว์ขาปล้อง ซึ่งรวมถึงยุง เห็บ ตะขาบ กิ้งกือ และแมงมุม

โรฮาส อัลวาเรซ กล่าวว่า "ขณะนี้เรากำลังเห็นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังพื้นที่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนตัวเลขของประเทศที่เริ่มมีการแพร่กระจายของยุงก็เพิ่มสูงขึ้น และประเทศที่มีประชากรยุงตั้งรกรากอยู่แล้วก็เริ่มมีสถานการณ์ที่น่ากังวลด้วย”

เมื่อเทียบกับไข้เลือดออกและชิคุนกุนยา ไวรัสซิกามีความคล้ายกันเพราะแพร่กระจายโดยยุงลาย ซึ่งมักจะกัดตอนกลางวัน อย่างไรก็ดี สิ่งที่แตกต่างจากสองไวรัสข้างต้น นั่นคือ ไวรัสซิกาสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และถูกส่งต่อจากแม่สู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์ได้

ZIKA VIRUS

ในระหว่างช่วงเดือนตุลาคม 2015 ถึงเดือนมกราคม 2016 ประเทศบราซิลรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสซิกามากกว่า 1.5 ล้านคน และทารกมากกว่า 3,500 คนเกิดมาพร้อมศีรษะที่มีขนาดเล็กกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า ภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิด

การระบาดเป็นวงกว้างของโรคที่มียุงเป็นพาหะได้แพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของทวีปอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือแล้ว รวมถึงเกาะหลายแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ซิกาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้ว

โรฮาส อัลวาเรซ ชี้ว่า ซิกายังคงแพร่ระบาดอยู่ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อปรับลดลง จากจำนวนหลายล้านคนในปี 2015 และปี 2016 โดยหลังจากปี 2017 เป็นต้นมา รายงานผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง “แต่ในแต่ละปี ยังมีผู้ติดเชื้อราว 30,000 ถึง 40,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกา”

เมื่อปีที่แล้ว WHO ได้เปิดตัวโครงการ Global Arbovirus Initiative เพื่อจัดการกับอาร์โบไวรัส ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่หรือเพิ่งกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง ที่อาจจะสามารถระบาดเป็นวงกว้างและแพร่กระจายไปทั่วโลกได้ โดยแผนงานดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อม การคัดกรองอย่างรวดเร็ว และการรับมือกับการระบาด ตลอดจนการพัฒนายาและวัคซีนใหม่ๆ

แต่ขณะที่ กำลังมีการเดินหน้ายุทธศาสตร์เหล่านี้อยู่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่างออกมาเรียกร้องให้ชุมชนทั้งหลายให้เร่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงทั้งที่อยู่ภายในบ้านและรอบ ๆ บ้าน รวมทั้งใช้ยากำจัดยุงเพื่อปกป้องตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของไวรัสที่อาจทำให้ถึงตายนี้ได้โดยด่วนแล้ว

  • ที่มา: วีโอเอ