คณะทำงานของทำเนียบขาวเพื่อรับมือการระบาดของโคโรนาไวรัส กล่าวเตือนชาวอเมริกันในวันพุธว่า จำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสต่อไปท่ามกลางการระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ โอมิครอน แม้ว่าเชื้อไวรัสนี้จะมีความรุนแรงน้อยลง
แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผอ.ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ เน้นย้ำความสำคัญของการสวมหน้ากาก ฉีดวัคซีนโควิด และการตรวจหาเชื้อ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมการระบาด
แพทย์หญิงวาเลนสกี กล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อโอมิครอนมีอัตราส่วนราว 98% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยเมื่อวันอังคาร ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับเกือบ 1.5 ล้านคน ซึ่งสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์
คณะทำงานของทำเนียบขาวยังประกาศแผนแจกจ่ายชุดตรวจหาเชื้อเดือนละ 10 ล้านชุดให้แก่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากระดับเมื่อปีที่แล้ว เป้าหมายเพื่อให้โรงเรียนเหล่านั้นสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ต่อไป
แพทย์หญิงวาเลนสกี กล่าวด้วยว่า ดูเหมือนเชื้อโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ โดยอ้างอิงงานวิจัยล่าสุดที่เปรียบเทียบสายพันธุ์โอมิครอนกับสายพันธุ์เดลตา พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโอมิครอนลดลง 91% และอัตราการรักษาตัวในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลลดลง 74%
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขผู้นี้ชี้ว่า แม้โอมิครอนอาจมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่การที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้จำนวนผู้ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นได้ ถึงแม้ว่าผู้ติดเชื้อโอมิครอนมีระยะเวลาเฉลี่ยของการรักษาตัวในโรงพยาบาลสั้นกว่าราว 71% เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตาก็ตาม
กล่าวคือ โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะรักษาตัวในโรงพยาบาลราว 1 วันครึ่ง และ 90% จะออกจากโรงพยาบาลได้ภายใน 3 วัน
เธอยังคาดการณ์ด้วยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะค่อย ๆ ลดลง