ทำเนียบขาว เสนอแผนงบช่วยเหลือ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนเข้าสู่โต๊ะเจรจากับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ วันศุกร์นี้
ทางทำเนียบขาว เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ว่าผู้นำสหรัฐฯ เห็นชอบที่จะเสนอแผนงบประมาณช่วยเหลือก้อนใหญ่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าแผนเดิมที่ทำเนียบขาวเสนอไว้ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ทางสมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครต ได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์อยู่ดี
เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งยกเลิกการเจรจางบช่วยเหลือโควิด-19 ก้อนใหม่กับสมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครต จนกว่าจะผ่านพ้นศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พฤศจิกายนนี้ไปแล้ว
ในวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีกำหนดการพูดคุยอีกครั้งตามแผนการเดิม เพื่อเจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการอัดฉีดเงินรอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทรุดตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกหลังการเจรจาระหว่างฝ่ายพรรคเดโมแครตและพรรคริพับลิกันล้มเหลวไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด ในการหารือครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์นี้ ระหว่างแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ทั้งสองยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันในการผลักดันมาตรการช่วยเหลือก้อนใหม่นี้ได้ แม้ว่าทำเนียบขาวจะเพิ่มกรอบงบประมาณขึ้นมาเกือบเทียบเท่ากับที่สมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครตเคยเสนอไว้
อย่างไรก็ตาม วุฒิสมาชิก มิทช์ แมคคอแนลล์ จากพรรครีพับลิกัน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่อาจเข้าสู่การพิจารณาในสภาไม่ทันช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พฤศจิกายนนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจออกมาเตือนว่า การชะลอมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายใต้วิกฤตการระบาดของโควิด-19 ได้ จากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการเข้าซื้อสินทรัพย์ ที่ทำโดยฝั่งระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด นำมาใช้จนเกือบหมดหน้าตักแล้ว ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฝั่งรัฐบาล เป็นความหวังเดียวในการเยียวยาเศรษฐกิจอเมริกันในระยะเวลาอันใกล้นี้