อาวุธความเร็วเหนือเสียงคืออะไร? ประเทศไหนมีในครอบครอง?

เกาหลีเหนือประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าได้ทำการทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงติดขีปนาวุธ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศนี้อ้างว่าได้ทำการทดสอบดังกล่าว ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือประกาศการทดสอบครั้งแรกในปี 2021 ขณะที่หลาย ๆ ประเทศยืนยันว่าตนกำลังพัฒนาและทดสอบอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงเช่นกัน อาวุธเหล่านี้คืออะไรและประเทศใดบ้างที่มีครอบครองอยู่?

อาวุธความเร็วเหนือเสียงคืออะไร?

อาวุธความเร็วเหนือเสียงได้รับการออกแบบให้บินด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วเสียงอย่างน้อยห้าเท่าหรือที่เรียกว่า 5 มัค ซึ่งมีความเร็วประมาณ 6,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาวุธเหล่านี้ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกับขีปนาวุธ

ความแตกต่างระหว่างอาวุธทั้งสองแบบก็คือ อาวุธความเร็วเหนือเสียงจะมีความคล่องตัวสูง ซึ่งง่ายต่อการบังคับทิศทางและควบคุมขณะการบิน แต่ขีปนาวุธจะมีความคล่องตัวน้อยมาก และเนื่องจากเส้นทางหรือวิถีของอาวุธความเร็วเหนือเสียงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงยากต่อการระบุทิศทาง ซึ่งหมายความว่าพวกมันยากที่จะถูกทำลายด้วยระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่

ปัจจุบันมีอาวุธความเร็วเหนือเสียงชนิดใดบ้าง?

อาวุธความเร็วเหนือเสียงหลัก ๆ สองชนิดได้แก่ ยานร่อนความเร็วเหนือเสียง (hypersonic glide vehicle) และขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง (hypersonic cruise missile) โดยยานร่อนความเร็วเหนือเสียงจะถูกปล่อยจากจรวด จากนั้นยานร่อนจะแยกออกจากจรวดและ "ร่อน" ด้วยความเร็วอย่างน้อย 5 มัคไปยังเป้าหมาย ส่วนขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ความเร็วสูงที่ต้องใช้อากาศในการเผาไหม้

ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ฟัตตาห์ ของอิหร่าน .

ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงทำงานอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงจะยิงหัวรบด้วยความเร็วอย่างน้อย 5 มัคขณะเคลื่อนที่ในระดับความสูงที่ค่อนข้างต่ำ อาวุธความเร็วเหนือเสียงที่พัฒนาขึ้นใหม่สามารถบินได้สูงกว่าขีปนาวุธที่มีความเร็วน้อยกว่า แต่ยังต่ำกว่าขีปนาวุธข้ามทวีป แต่ถึงกระนั้น อาวุธความเร็วเหนือเสียงยังระบุชี้และถูกยิงตกได้ยากกว่า

การพัฒนาของเกาหลีเหนือก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน?

เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงครั้งแรกเมื่อปี 2021 โดยใช้หัวรบรูปเครื่องร่อน จากนั้นมีการทดสอบขีปนาวุธอีกครั้งในปี 2022 ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่า เป็นหัวรบขีปนาวุธที่มีความคล่องตัวในการเข้าถึงเป้าหมาย

สื่อเกาหลีเหนือเผยว่า การปล่อยขีปนาวุธครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม โดยมีเป้าหมายเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งชนิดใหม่ที่อัดอยู่หลายชั้นและติดอยู่กับหัวรบที่มีความเร็วเหนือเสียง

เกาหลีเหนือระบุว่าการทดสอบดังกล่าวประสบความสำเร็จ เจ้าหน้าที่ของกองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวบินไปประมาณ 1,000 กิโลเมตรก่อนจะตกลงสู่น่านน้ำระหว่างคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น

ผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศกล่าวว่า เกาหลีเหนือสนใจในเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง เนื่องจากสามารถใช้เพื่อติดตั้งอาวุธในระยะไกลในขณะที่หลีกเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธ โดยเกาหลีเหนือสามารถใช้อาวุธดังกล่าวเพื่อกำหนดเป้าหมายฐานทัพสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นและกวม

ประเทศใดบ้างที่เป็นผู้นำของการแข่งขันผลิตอาวุธความเร็วเหนือเสียง?

สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน ต่างกำลังพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียง ส่วนประเทศอื่น ๆ กำลังดำเนินการวิจัย ขณะที่อีกหลาย ๆ ประเทศระบุว่าการทดสอบยังไม่ได้รับการยืนยัน

Zircon-Hypersonic-Missile

เจ้าหน้าที่ของกองทัพและหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนกำลังสร้างและทดสอบทั้งขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียงและยานร่อนความเร็วเหนือเสียง โดยเชื่อกันว่าจีนได้ทำการทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงไป “หลายร้อยครั้ง” ในระหว่างปี 2016 ถึง 2021

รายงานการเรื่องการทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงในจีนเมื่อปี 2021 ของรอยเตอร์ ระบุว่า ยานร่อนความเร็วเหนือเสียงบินผ่านอวกาศและโคจรรอบโลกก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย

นอกจากนี้ในปี 2021 รัสเซียก็ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวถึงการยิงครั้งนี้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของระบบขีปนาวุธรุ่นใหม่

ส่วนสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อเดือนกันยายนปี 2021 ว่าได้ทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ใช้อากาศ และในปีหน้า กองทัพสหรัฐฯ ได้ของบประมาณ 3,800 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียง และอีก 246.9 ล้านดอลลาร์สำหรับการวิจัยด้านการป้องกันอาวุธความเร็วเหนือเสียง โดยอาวุธความเร็วเหนือเสียงของสหรัฐฯ สามารถติดหัวรบเพิ่มเติมได้

หน่วยงานวิจัยรัฐของสภาให้คำจำกัดความอาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยไกลของกองทัพบกสหรัฐฯ ว่าเป็น “ขีปนาวุธที่ยิงจากภาคพื้นดินซึ่งติดตั้งตัวเครื่องร่อนที่มีความเร็วเหนือเสียง และอุปกรณ์ขนส่ง สนับสนุน และควบคุมการยิง” กองทัพบกกล่าวว่า อาวุธนี้ได้รับการออกแบบให้ "เข้าถึงชั้นบรรยากาศสูงสุดของโลก" และหลีกเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธได้

• ที่มา: เอพี