'โลกร้อน' ทำแหล่งน้ำอุ่นขึ้น-ปลาตาย-อุตสาหกรรมประมงประสบปัญหาหนัก

Your browser doesn’t support HTML5

Climate Change Fishing


ชาวประมงปลาแซลมอนที่อยู่ตามชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่มีต่อประชากรปลากันมากขึ้น คลื่นความร้อนและความแห้งแล้งที่คงอยู่เป็นเวลานานโดยที่ไม่มีฝน ทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นและระดับน้ำลดต่ำลง สภาพอากาศแบบสุดโต่งนี้กำลังคร่าชีวิตปลาที่อยู่ตามธรรมชาติตั้งแต่ที่รัฐไอดาโฮไปจนถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย

ลูกปลาแซลมอนหลายแสนตัวในแม่น้ำ Klamath ที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังจะตายลง ระดับน้ำที่ต่ำลงทำให้เกิดการแพร่กระจายของปรสิตที่ทำให้ปลาตาย

การล่มสลายของกลุ่มปลาแซลมอนที่มีอายุ 1 ปีอาจส่งผลกระทบต่อประชากรปลาแซลมอนทั้งหมด นอกจากนี้ยังอาจเป็นการย่นระยะเวลาหรือหยุดฤดูกาลจับปลาไปเลยก็เป็นได้

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้ฝั่งตะวันตกของอเมริการ้อนขึ้น แห้งแล้งขึ้น และเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมปลาแซลมอน ซึ่งมีมูลค่าราว 1,400 ล้านดอลลาร์เฉพาะในแคลิฟอร์เนียเพียงแห่งเดียว

ทั้งนี้ การจับปลาแซลมอนธรรมชาติที่ลดลงนั้น ทำให้ราคาปลาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก Mike Hudson ชาวประมงผู้หนึ่งซึ่งจับและขายปลาแซลมอนที่ตลาดเกษตรกรในเบิร์กลีย์มาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว กล่าวว่า ผู้คนไม่สามารถซื้อปลาที่มีน้ำหนัก 1 ปอนด์ หรือประมาณ 450 กรัม ในราคา 35 ดอลลาร์ได้

Hudson คิดที่จะเกษียณอายุและขายเรือขนาด 12 เมตรของเขา เพราะคิดว่าธุรกิจกำลังจะย่ำแย่ลงไปกว่าตอนนี้

ปลาแซลมอนชีนูกพันธุ์ Winter-run เป็นปลาที่เกิดในแม่น้ำแซคราเมนโตและเดินทางหลายร้อยไมล์ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก โดยปกติแล้วพวกมันจะใช้เวลาสามปีก่อนจะเดินทางกลับไปยังถิ่นที่เกิดเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ระหว่างเดือนเมษายนถึงสิงหาคม ซึ่งแตกต่างจากปลาแซมอนชีนูกพันธุ์ Autumn-run ที่มีชีวิตจากโครงการที่ศูนย์เพาะพันธ์เกือบทั้งหมด

เจ้าหน้าที่ประมงของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ คาดการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคมว่า ลูกปลาแซลมอนมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์อาจตายได้เนื่องจากน้ำในแม่น้ำแซคราเมนโตอุ่นขึ้น ซึ่งในเวลานี้เจ้าหน้าที่ของรัฐกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจสูงขึ้นได้เนื่องจากน้ำเย็นในทะเลสาบชาสตาแห้งลงอย่างรวดเร็ว ทะเลสาบที่ว่านี้เป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดของแคลิฟอร์เนีย แต่คณะผู้บริหารจัดการเรื่องน้ำของรัฐบาลกลางกล่าวว่า ทะเลสาบชาสตาจุน้ำอยู่ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

John McManus ผู้บริหารระดับสูงของสมาคม Golden State Salmon Association ซึ่งเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมการประมง กล่าวว่า อีกไม่นานจะไม่หลงเหลือปลาแซลมอนที่เติบโตตามธรรมชาติในมหาสมุทรอีกแล้ว

เมื่อทะเลสาบชาสตาก่อตัวขึ้นในทศวรรษที่ 1940 ก็ได้ปิดกั้นการเข้าถึงแม่น้ำบนภูเขาที่เย็นยะเยือกซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าปลาแซลมอนจะอยู่รอดในทะเลสาบชาสตาได้ รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องรักษาอุณหภูมิของแม่น้ำให้ต่ำกว่า 13 องศาเซลเซียส เนื่องจากไข่ปลาแซลมอนไม่สามารถอยู่ในน้ำที่อุ่นกว่านั้นได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้น้ำอุ่นกำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อปลาที่มีอายุมากแล้วด้วยเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์พบว่าปลาที่โตเต็มวัยบางตัวตายก่อนที่จะวางไข่ด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับภัยแล้งครั้งประวัติศาสตร์และคลื่นความร้อนในช่วงที่ผ่านมาก็แย่ลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย เส้นทางน้ำและอ่างเก็บน้ำที่ผู้คนและสัตว์ป่านับล้านใช้กันก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

ดังนั้น ทุก ๆ ปี เจ้าหน้าที่รัฐจะนำปลาแซลมอนหลายล้านตัวที่เลี้ยงในศูนย์เพาะพันธุ์ไปปล่อยยังมหาสมุทรโดยตรง วิธีนี้จะช่วยให้ปลาไม่ต้องเดินทางผ่านทางน้ำที่เป็นพิษเป็นภัย บรรดาศูนย์เพาะพันธุ์ทั้งของรัฐและรัฐบาลกลางพยายามใช้มาตรการอื่น ๆ เพื่อช่วยปลาแซลมอน อย่างเช่น การมีธนาคารพันธุกรรมเพื่อหยุดการผสมพันธุ์เฉพาะในกลุ่มที่ศูนย์เพาะพันธุ์

บรรดาชาวประมงและกลุ่มสิ่งแวดล้อมตำหนิหน่วยงานด้านน้ำที่ใช้น้ำในฟาร์มมากเกินไป Sam Mace ผู้อำนวยการกลุ่ม Save Our Wild Salmon ซึ่งกำลังทำงานเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรปลาแซลมอนธรรมชาติและปลาอื่น ๆ ในรัฐที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะทำให้ปีเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น หน่วยงานของรัฐบาลกลางและรัฐต่าง ๆ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่ทราบอยู่แล้วว่ากำลังจะเกิดขึ้น ให้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าในอดีตนั้น ประชากรปลาแซลมอนในแคลิฟอร์เนียเคยผ่านสภาวะแห้งแล้งมาก่อน แต่ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องอาจทำลายปลาแซลมอนบางส่วนได้

(ที่มา: The Associated Press)