เวียดนามเจอความท้าทายใหม่ ในความพยายามสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศให้ได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า เนื่องจากภาวะขาดแคลนวัคซีนโควิด-19 ในระดับโลก และกระแสต่อต้านวัคซีนที่ผลิตจากจีน
เชา เหวียน เจ้าของร้านอาหารในเวียดนาม ถกเถียงกับน้องสาวของเธอทั้งคืนว่าจะเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ที่ผลิตจากจีนหรือไม่ แม้ว่าพวกเธอจะไม่ใช่กลุ่มที่กังขาถึงประสิทธิภาพของวัคซีนก็ตาม
ความลังเลใจของเหวียนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ท่ามกลางกระแสต่อต้านวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตจากจีน ซึ่งแพร่สะพัดไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์ในเวียดนาม จนผู้คนในเวียดนามเริ่มตั้งคำถามถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยของวัคซีนโควิดจากจีนกันมาก
ณ ตอนนี้ นครโฮจิมินห์ เริ่มต้นโครงการแจกจ่ายวัคซีน ตั้งเป้าให้ประชาชนอย่างน้อย 70% ได้รับวัคซีนโควิดเข็มแรก ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ในจังหวะที่รัฐบาลเวียดนามประกาศแผนสั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน 5 ล้านโดส
ข้อมูลเมื่อ 25 สิงหาคม เวียดนามมีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 12,096 ราย และเสียชีวิต 335 ราย ทำสถิติต่อเนื่อง 7 วันที่มีผู้ติดเชื้อทะลุ 1 หมื่นรายต่อวัน เฉพาะที่นครโฮจิมินห์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 5,294 ราย และเสียชีวิต 266 คนในวันเดียวกันนี้
ทั้งนี้ เวียดนาม เผชิญกับการระบาดของโควิดระลอกที่ 4 ด้วยยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 392,938 คน เสียชีวิต 9,667 คน ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ เมื่อวันศุกร์
ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงสิงหาคมปีนี้ นครโฮจิมินห์ ที่มีประชากรราว 10 ล้านคน ได้รับวัคซีนไปกว่า 4.3 ล้านคน กว่า 100,000 คนในพื้นที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และมีอัตราฉีดวัคซีนเฉลี่ย 318,000 โดสต่อวัน ตามทางการเปิดของทางการเวียดนามเมื่อ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา อีกทั้งประชาชนราว 456,000 คน ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะเป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา ซึ่งหายากในเวียดนามด้วย
ความต้องการฉีดวัคซีนที่พุ่งสูงในเวียดนาม
ชาวเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะยอมรับการฉีดวัคซีนในระดับสูง ตามการสำรวจขององค์การยูนิเซฟ เมื่อเดือนมิถุนายน พบว่า 67% ของชาวเวียดนามต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19
มีเหตุผลมากมายที่คนในนครโฮจิมินห์ ต้องการเข้ารับวัคซีนโควิด-19 แม้พวกเขาจะรู้ว่าวัคซีนสามารถปกป้องพวกเขาจากโควิดได้เพียงบางส่วนก็ตาม ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทของรัฐบาลเวียดนามที่ให้ข้อมูลกับประชาชนถึงความรุนแรงของโควิด-19 และระบุให้สถานการณ์โควิดในนครโฮจิมินห์เป็น “ระดับอันตราย”
เชา ตัดสินใจเข้ารับวัคซีนโควิด จากแอสตราเซเนกา เมื่อต้นเดือนสิงหาคม เปิดเผยกับวีโอเอว่า ทางการท้องถิ่นติดต่อเธอให้เข้ามารับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเธอได้ถามเจ้าหน้าที่ว่าเธอสามารถปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิดได้หรือไม่ ซึ่งทางการให้ข้อมูลว่าเธอสามารถปฏิเสธการเข้ารับวัคซีนได้ แต่หากเธอติดเชื้อ หรือพบว่าแพร่เชื้อโควิดให้ผู้อื่น เธอก็มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับหลายล้านดองทีเดียว
มีอีกหลายคนที่คิดแบบเชา และเลือกเข้ารับวัคซีนโควิด-19 แทนที่จะต้องมารักษาระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด ซึ่งทางการเริ่มต้นมาตรการนี้เป็นเวลา 1 เดือนตั้งแต่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา
และเมื่อชาวเวียดนามถูกตั้งคำถามว่า ความเสี่ยงที่จะตกงานหรือปิดกิจการ จากมาตรการควบคุมโควิดนั้น มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิดหรือไม่ บิ๊ก เหวียน วัย 30 ปีที่ปัจจุบันทำงานในอุตสาหกรรมสื่อ ยอมรับว่า เห็นด้วยถึง 70 % กับคำกล่าวนี้ เพราะเขายังไม่สามารถเริ่มงานได้จริงจังหลังจากทางการประกาศล็อคดาวน์นครโฮจิมินห์ ตั้งแต่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้เขาสูญเสียรายได้ที่พึงได้เกือบ 100 ล้านดอง หรือราว 4,400 ดอลลาร์ นั่นยังไม่รวมกับผลกระทบทางจิตใจ ความเครียด เหนื่อยล้า ความสูญเสียอื่นๆ ที่ประเมินค่าไม่ได้จากมาตรการล็อคดาวน์นี้
ด้านเทา วู วัย 31 ปี ที่บริษัทของสามีต้องปิดตัวชั่วคราวช่วงล็อคดาวน์ บอกว่าเธอยินดีจะไปฉีดวัคซีนเพราะเป็นหนทางเดียวในการเปิดเศรษฐกิจและกลับมาทำกิจกรรมต่างๆทางสังคมได้อีกครั้ง
วู เพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจว่า "การล็อคดาวน์ไม่ได้ทำให้โรคระบาดนี้หยุดไป" เมื่อเรากลับมาเปิดเศรษฐกิจและสังคม จะยังมีความเสี่ยงที่จะพบการระบาดใหม่ได้อีกครั้ง เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันได้ และว่าการล็อคดาวน์ระยะยาวจะยิ่งทำให้คนงานเข้าสู่ภาวะยากจนและธุรกิจต่างๆต้องปิดตัวเพิ่มอีก ส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรมจากปัญหาคนตกงานที่ตามมา และสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมจะยิ่งตึงเครียดไปยิ่งกว่าโรคระบาดที่เป็นอยู่เสียอีก
วัคซีนขาดแคลน-กระแสต้านวัคซีนจีน
ระหว่างที่พลเมืองเวียดนามยินดีที่จะเข้ารับวัคซีนโควิด-19 นครโฮจิมินห์กลับเจอความท้าทายใหม่ที่จะทำให้โครงการแจกจ่ายวัคซีนให้ถึงแขนประชาชน 70% ต้องสะดุด
เมื่อ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา นครโฮจิมินห์ จัดสรรวัคซีน 4.3 ล้านโดสให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ และตั้งเป้าแจกจ่ายวัคซีนให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่การสั่งซื้อวัคซีน 5 ล้านโดสของโมเดอร์นา ซึ่งจะมาถึงเวียดนาม 2 ล้านโดสในเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งจะได้รับวัคซีนจากหน่วยงานระหว่างประเทศเพิ่มเติมอีก 750,000 โดสด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลเวียดนาม จัดตั้งหน่วยงานคณะทำงานด้านการทูตวัคซีน เมื่อ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะรับหน้าที่จัดสรรวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้รับบริจาคจากประเทศอื่นๆ แต่ในการประชุมครั้งแรกของหน่วยงานนี้ ยอมรับว่า ประเทศกำลังพัฒนาจะขาดแคลนวัคซีนโควิด-19 อย่างหนักไปจนถึงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางภาวะขาดแคลนวัคซีนทั่วโลก
ประเด็นนี้ได้สร้างความกังวลให้ทางการนครโฮจิมินห์อย่างมาก จนต้องหันไปพึ่งพาวัคซีนโควิดของซิโนฟาร์ม แต่กลับเจอกระแสชาวเวียดนามที่ต่อต้านวัคซีนที่ผลิตจากจีนแทน
แวน อันห์ ชาวเวียดนามที่ทำงานด้านสื่อในเวียดนาม ยอมรับมาตรการควบคุมการระบาดของโควิดในเวียดนาม แต่ไม่ยอมรับวัคซีนโควิดที่ผลิตจากจีนอย่างแน่นอน ส่วนบินห์ ทราน นักศึกษาแพทย์วัย 20 ปีในนครโฮจิมินห์ บอกว่า วัคซีนช่วยป้องกันผู้คนจากโควิดได้ก็จริง แต่เขาไม่อาจยอมรับวัคซีนจากจีนได้ เพราะมีระดับประสิทธิผลที่ต่ำและผลการศึกษาที่ไร้ความน่าเชื่อถือ
กระแสต่อต้านวัคซีนโควิดสัญชาติจีน ทำให้รัฐบาลเวียดนามและนครโฮจิมินห์ ต้องพยายามออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ได้ฉีดเร็วที่สุด” พร้อมยังเรียกร้องให้ผู้คนเห็นความสำคัญของวัคซีนโควิดด้วยเช่นกัน